วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2553

THE 4 WIVES


motivational stories - THE 4 WIVES

There was a rich merchant who had 4 wives. He loved the 4th wife the most and adorned her with rich robes and treated her to delicacies. He took great care of her and gave her nothing but the best.
He also loved the 3rd wife very much. He's very proud of her and always wanted to show off her to his friends. However, the merchant is always in great fear that she might run away with some other men.
He too, loved his 2nd wife. She is a very considerate person, always patient and in fact is the merchant's confidante. Whenever the merchant faced some problems, he always turned
to his 2nd wife and she would always help him out and tide him through difficult times.
Now, the merchant's 1st wife is a very loyal partner and has made great contributions in maintaining his wealth and business as well as taking care of the household. However, the merchant did not love the first wife and although she loved him deeply, he hardly took notice of her.
One day, the merchant fell ill. Before long, he knew that he was going to die soon. He thought of his luxurious life and told himself, "Now I have 4 wives with me. But when I die, I'll be alone. How lonely I'll be!"
Thus, he asked the 4th wife, "I loved you most, endowed you with the finest clothing and showered great care over you. Now that I'm dying, will you follow me and keep me company?" "No way!" replied the 4th wife and she walked away without another word.
The answer cut like a sharp knife right into the merchant's heart. The sad merchant then asked the 3rd wife, "I have loved you so much for all my life. Now that I'm dying, will you follow me and keep me company?" "No!" replied the 3rd wife. "Life is so good over here! I'm going to remarry when you die!" The merchant's heart sank and turned cold.
He then asked the 2nd wife, "I always turned to you for help and you've always helped me out. Now I need your help again. When I die, will you follow me and keep me company?" "I'm sorry, I can't help you out this time!" replied the 2nd wife. "At the very most, I can only send you to your grave." The answer came like a bolt of thunder and the merchant was devastated.
Then a voice called out : "I'll leave with you. I'll follow you no matter where you go." The merchant looked up and there was his first wife. She was so skinny, almost like she suffered from malnutrition. Greatly grieved, the merchant said, "I should have taken much better care of you while I could have !"
Actually, we all have 4 wives in our lives
a. The 4th wife is our body. No matter how much time and effort we lavish in making it look good, it'll leave us when we die.
b. Our 3rd wife ? Our possessions, status and wealth. When we die, they all go to others.
c. The 2nd wife is our family and friends. No matter how close they had been there for us when we're alive, the furthest they can stay by us is up to the grave.
d. The 1st wife is in fact our soul, often neglected in our pursuit of material, wealth and sensual pleasure.
Guess what? It is actually the only thing that follows us wherever we go. Perhaps it's a good idea to cultivate and strengthen it now rather than to wait until we're on our deathbed to lament

-------------------------------------------------------------------------------------------------


ภรรยา 4 คน
ยังมีพ่อค้าเศรษฐีคนหนึ่งมีภรรยา 4 คน เขารักคนที่สี่มากที่สุด และให้เธอแต่งตัวด้วยเครื่องประดับประดาที่สวยที่สุด และพึงพอใจที่สุด เขาดูแลเธอทุกอย่าง ๆ ดีที่สุดเขาก็รักภรรยาคนที่สามมากเหลือเกิน เขาภูมิใจในตัวเธอและอวดเธอกับเพื่อน ๆ ของเขาเสมอ อย่างไรก็ตาม พ่อค้าผู้ร่ำรวยกลัวเธอจะหนีจากและไปกับชายอื่นเขารักภรรยาคนที่สองด้วย เธอเป็นคนที่คิดถึงหัวอกคนอื่นมาก เธอมีความอดทนและอันที่จริงเธอเป็นคู่คิด คนสนิทที่พ่อค้าไว้ใจมากที่จะบอกความลับให้ฟังได้ เมื่อไรที่พ่อค้ามีปัญหาใด เขาจะปรึกษากับภรรยาคนที่สองนี้ และเธอก็จะช่วยเขาให้พ้นจากจากความยุ่งยากลำบากเสมอไปคราวนี้ มาดูที่ภรรยาคนแรกของพ่อค้าบ้าง เธอเป็นคู่หูที่ซื่อสัตย์มาก และได้มีส่วนร่วมในการสร้างธุรกิจและ ความมั่งคั่งให้กับเขา อีกทั้งเป็นผู้ดูแลในครอบครัว อย่างไรก็ตาม พ่อค้าไม่ได้รักภรรยาคนแรกเลย แม้เธอจะรักเขามาก เขาไม่ค่อยจะมอง หรือกล่าวขวัญถึงเลยวันหนึ่ง พ่อค้าล้มป่วย และเขารู้ว่าเขาคงอยู่อีกไม่นาน เขาคิดถึงชีวิตที่สุขสบายที่ผ่านมาและรำพึงกับตัวเองว่า “ตอนนี้ ฉันมีเมียถึงสี่คนที่อยู่ด้วย แต่เมื่อฉันตาย ฉันจะโดดเดี่ยว ฉันจะอ้างว้างโดดเดี่ยวอย่างไงนะ”ดังนั้น เขาเลยถามภรรยาคนที่สี่ว่า “ฉันรักเธอมากที่สุด ฉันให้เธอแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่สวยที่สุด และดูแลเธอย่างดีที่สุด ตอนนี้ฉันกำลังจะตายจาก เธอจะตายเป็นเพื่อนฉันไหม” “ไม่มีทาง” เธอตอบพร้อมทั้งเดินจากโดยไม่พูดอะไรต่อคำตอบของเธอเหมือนดังมีดคมที่เฉือนเข้าไปในหัวใจ พ่อค้าผู้เศร้าสลดจึงถามภรรยาคนที่สามบ้าง “ในชีวิตฉัน ฉันรักเธอมาก ตอนนี้ฉันกำลังจะตายจาก เธอจะตายเป็นเพื่อนฉันไหม” “ไม่หรอก ชีวิตยังดีน่าอยู่ ฉันจะแต่งงานใหม่เมื่อคุณตาย” หัวใจของพ่อค้าจมดิ่งลงด้วยความเย็นเยือกเขาเลยถามภรรยาคนที่สองว่า “เธอช่วยฉันทุกครั้งที่ให้เธอช่วย ตอนนี้ฉันตอนการให้เธอช่วยอีก เมื่อฉันตาย เธอจะตามไปเป็นเพื่อนไหม” “เสียใจนะ ครั้งนี้ฉันช่วยไม่ได้หรอก แต่ฉันอาจส่งเธอไปที่หลุมฝังศพ” คำตอบดังหนึ่งฟ้าผ่ามาที่พ่อค้าที่ทำให้เขาพังพินาศอย่างสิ้นเชิงแล้วก็มีเสียงหนึ่งพูดออกมาว่า “ฉันจะตามคุณไป ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหนก็ตาม” พ่อค้ามองตามไปที่เสียงกล่าว และพบว่านั่นคือภรรยาคนแรกของเขานั่นเอง เธอผอมจนเหลือแต่กระดูก ดังหนึ่งทุกข์ทรมานจากขาดสารอาหาร พ่อค้าเศร้าโศกเสียใจมากและพูดว่า “ฉันน่าจะดูแลเธอดีกว่านี้ เมื่อตอนที่ฉันยังทำได้ !”อันที่จริงแล้ว เราทุกคนมีภรรยาสี่คนในชีวิตของเรา คนที่สี่นั้นคือร่างของเรา ไม่ว่าเราจะทุ่มเทอย่างไรที่ทำให้มันดูดี มันจะจากเราไปเมื่อเราตายภรรยาคนที่สาม คือสิ่งที่เรามี ไม่ว่าจะเป็นสถานภาพหรือทรัพย์สมบัติที่เรามี เมื่อเราตายจาก มันก็กลายไปเป็นของคนอื่นภรรยาคนที่สองเปรียบเหมือนครอบครัวและเพื่อนของเราไม่ว่าจะสนิทใกล้ชิดเพียงใดในยามที่เรามีชีวิตอยู่ เมื่อยามเราต้องตายจาก ที่เขาอยู่ใกล้ได้ที่สุด ก็เพียงหลุมฝังศพสำหรับภรรยาคนแรก ที่จริงคือวิญญาณของเราเอง ที่จะไม่สนใจกับการติดตามวัตถุ ทรัพย์สมบัติและความสุขกับรสชาติทางโลกของรา ฉะนั้นนั่งคือสิ่งเดียวที่จะติดตัวเราไป บางทีเราควรจะต้องเริ่มเพาะและสร้างความแกร่งให้กับจิตวิญญาณของเรา ที่จะรอจนความตายได้ย่างกรายเข้ามาหา

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

love and time


Once upon a time, there was an island where all the feelings lived: Happiness, Sadness, Knowledge, and all of the others, including Love. One day it was announced to the feelings that the island would sink, so all constructed boats and left. Except for Love.
Love was the only one who stayed. Love wanted to hold out until the last possible moment.
When the island had almost sunk, Love decided to ask for help.
Richness was passing by Love in a grand boat. Love said, "Richness, can you take me with you?"Richness answered, "No, I can't. There is a lot of gold and silver in my boat. There is no place here for you."
Love decided to ask Vanity who was also passing by in a beautiful vessel. "Vanity, please help me!""I can't help you, Love. You are all wet and might damage my boat," Vanity answered.
Sadness was close by so Love asked, "Sadness, let me go with you.""Oh . . . Love, I am so sad that I need to be by myself!"
Happiness passed by Love, too, but she was so happy that she did not even hear when Love called her.
Suddenly, there was a voice, "Come, Love, I will take you." It was an elder. So blessed and overjoyed, Love even forgot to ask the elder where they were going. When they arrived at dry land, the elder went her own way. Realizing how much was owed the elder,
Love asked Knowledge, another elder, "Who Helped me?""It was Time," Knowledge answered."Time?" asked Love. "But why did Time help me?"Knowledge smiled with deep wisdom and answered, "Because only Time is capable of understanding how valuable Love is."

------------------------------------------------------------------------------------------------- เวลาและความรัก
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ความรู้สึกทั้งมวล ได้อาศัยอยู่รวมกันบนเกาะแห่งหนึ่ง ประกอบด้วย ความสุข ความเศร้า ความรู้ และอื่นๆอีกมากมาย รวมทั้งความรักด้วย
วันหนึ่ง มีประกาศว่า เกาะแห่งนี้กำลังจะจมลง ความรู้สึกทั้งหมดจึงพากันลงเรือจากไป เว้นแต่ 'ความรัก'
มีเพียง 'ความรัก' เท่านั้นที่อยู่ต่อ 'ความรัก' ต้องการจะยืนหยัดอยู่ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
เมื่อเกาะใกล้จะจมเต็มที 'ความรัก' จึงตัดสินใจร้องขอความช่วยเหลือ
'ความรวย' ที่กำลังแล่นเรือลำใหญ่ โอ่อ่าหรูหรา ผ่าน'ความรัก' ไปอย่างไม่แยแส 'ความรัก' จึงพูดขึ้นว่า
"ความรวย เธอจะพาฉันไปด้วยได้ไหม"
'ความรวย' ตอบกลับมาว่า "ไม่ได้หรอก เรือของฉันมีทั้งทองคำ และเงินมากมายแล้ว มันไม่มีที่พอสำหรับเธอหรอก"
'ความรัก' จึงตัดสินใจถาม 'ความหยิ่งยะโส' ที่กำลังแล่นเรือเดินสมุทรที่สวยงามลำใหญ่ผ่านมาพอดี
"ความหยิ่งยะโส กรุณาช่วยฉันด้วย"
"ฉันช่วยเธอไม่ได้หรอก 'ความรัก' เธอตัวเปียกไปหมด และเธอจะทำเรือฉันเสียหาย" 'ความหยิ่งยะโส' ตอบกลับมา
'ความเสียใจ' ที่กำลังแล่นเรืออยู่ใกล้แค่เอื้อมนั้น ความรักจึงถามไปอีกว่า
"ความเสียใจ ให้ฉันไปกับเธอด้วยนะ"
"โอ้ ความรัก ฉันเสียใจนะ ที่ฉันต้องการ ก็เพียงตัวฉันเท่านั้น"
'ความสุข' แล่นเรือผ่านมาที่'ความรัก'เช่นกัน แต่เธอมีความสุขมากเหลือเกินจนไม่ได้ยินเสียง 'ความรัก' ร้องเรียก
ทันใดนั้นเอง เสียงหนึ่งดังขึ้น
"ทางนี้ ความรัก ฉันจะรับเธอขึ้นมาเอง"
มันเป็นเสียงของ 'ผู้อาวุโส' ท่านหนึ่ง ช่างโชคดี และน่ายินดีอะไรเช่นนี้ 'ความรัก' ลืมถาม 'ผู้อาวุโส' กระทั่งพวกเขากำลังจะไปที่ไหน
เมื่อเรือถึงแผ่นดิน 'ผู้อาวุโส' ก็จากไปตามทางของท่าน 'ความรัก' รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณของท่านเหลือเกิน
'ความรัก' จึงถาม 'ความรู้' ที่เป็น 'ผู้อาวุโส' อีกคนหนึ่งว่า
"ใครช่วยฉันไว้คะ"
"เวลาจ๊ะ" ความรู้ตอบ
"เวลา?" ความรักถามอย่างสงสัย
"แล้วทำไมเวลาถึงช่วยฉันล่ะคะ"
ความรู้ยิ้มอย่างมีเลศนัย แล้วตอบว่า
"ก็เพราะมีแค่ 'เวลา' เท่านั้น ที่จะสามารถเข้าใจว่า'ความรัก' มีค่าแค่ไหน"

A Box Full of Kisses


A man punished his 3-year-old daughter for wasting a roll of gold wrapping paper.
Nevertheless, the little girl brought the gift to her father the next morning and said, “This is for you, Daddy.”
พ่อทำโทษลูกสาววัย 3 ขวบ ที่เล่นกระดาษห่อของขวัญสีทองเสียหมดม้วน
อย่างไรก็ดี วันรุ่งขึ้นเด็กหญิงก็เอากล่องของขวัญมาให้พ่อ แล้วพูดว่า.. "สำหรับพ่อค่ะ.."

The man was embarrassed by his earlier overreaction, but his anger flared again when he found out the box was empty.
พ่อรู้สึกอายที่แสดงกริยาเกินเลยไปหน่อย แต่กลับโกรธหมือนเดิมที่เห็นกล่องของขวัญนั้นว่างเปล่า
He yelled at her, stating, “Don’t you know, when you give someone a present, there is supposed to be something inside? The little girl looked up at him with tears in her eyes and cried, “Oh, Daddy, it’s not empty at all. I blew kisses into the box. They’re all for you, Daddy.”
...เขาเสียงเขียวใส่ลูกสาว..."ลูกไม่รู้หรอกหรือ...เวลาให้ของขวัญใครน่ะ มันควรจะใส่อะไรไว้ข้างในบ้าง???"
...เด็กน้อยน้ำตาคลอ มองที่พ่อ "โอ พ่อจ๋า มันไม่ใช่กล่องเปล่าๆนะคะ หนูส่งจูบของหนูใส่กล่องไว้ สำหรับคุณพ่อค่ะ.."
The father was crushed. He put his arms around his little girl, and he begged for her forgiveness.
พ่อตื้นตันใจเหลือจะกล่าว...โอบกอดลูกสาว ขอโทษขอโพย

Only a short time later, an accident took the life of the child. It is also told that her father kept that gold box by his bed for many years and, whenever he was discouraged, he would take out an imaginary kiss and remember the love of the child who had put it there.
...หลังจากวันนั้นไม่นานนัก...มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น และพรากชีวิตลูกสาวตัวน้อยคนนี้ไป มีผู้กล่าวกันว่า คุณพ่อผู้โศกเศร้าได้เก็บกล่องสีทองนี้ไว้ที่เตียงอีกหลายปีดีดัก...
...เมื่อใดที่เขาท้อแท้ในชีวิต...คุณพ่อจะรับจูบจากกล่องครั้งหนึ่ง และรำลึกถึงความรักของลูกสาวตัวน้อย ผู้ได้บรรจุจูบของเธอไว้ในกล่องนั้น...
In a very real sense, each one of us, as humans beings, have been given a gold container filled with unconditional love and kisses… from our children, family members, friends, and God. There is simply no other possession, anyone could hold, more precious than this.
...ความจริงที่สุดแห่งชีวิตมนุษย์ของเราๆท่านๆ....พวกเราได้รับกล่องสีทอง บรรจุรักที่แท้ จูบแห่งรัก จากบรรดาลูกๆ... คนในครอบครัว...มิตรรัก และจากพระผู้เป็นเจ้าแล้วทั้งนั้น....
....ไม่มีทรัพย์ใดมีค่ายิ่งไปกว่านี้อีกแล้ว

วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

sand and stone


.. sand and stone ...
นิทานเรื่องนี้ กล่าวว่า มีคน 2 คน เป็นเพื่อนกันแล้วได้เดินเข้าไปในทะเลทราย
In a specific point of the journey, they had an argument, and one friend slapped the other one in the face. ณ จุดหนึ่งของการเดินทาง ทั้งสองคนมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกัน เพื่อนคนหนึ่งได้ตบหน้าเพื่อนอีกคน หนึ่ง
The one, who got slapped, was hurt, but without anything to say, he wrote in the sand : ชายผู้ที่ถูกตบหน้า เสียใจเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เขาได้เขียนข้อความลงบนผืนทรายว่า
“ TODAY, MY BEST FRIEND SLAPPED ME IN THE FACE ”. “ วันนี้ เพื่อนที่ดีที่สุดของฉันได้ตบหน้าฉัน ”
They kept on walking, until they found an oasis, where they decided to take a bath. พวกเขาได้ออกเดินทางอีกครั้งหนึ่ง จนกระทั่ง พวกเขาพบ OASISพวกเขาตัดสินใจที่จะอาบน้ำ
The one who got slapped and hurt started drowning, and the other friend saved him. ชายคนหนึ่งซึ่งถูกตบหน้า ยังมีความเสียใจอยู่ แล้วเขาได้เริ่มจมน้ำ เพื่อนอีกคนได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้
When he recovered from the fright, he wrote on a stone: เมื่อเขาได้แก้ไขเหตุการณ์อันน่าตกใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาได้เขียนข้อความลงบนหินว่า:
“ TODAY MY BEST FRIEND SAVED MY LIFE. ” “ วันนี้เพื่อนที่ดีที่สุดของฉันได้ช่วยชีวิตฉันไว้ ”
The friend who saved and slapped his best friend, asked him, ชายคนที่ช่วยชีวิตและได้ตบหน้าเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา ได้ถามว่า
“ Why, after I hurt you, you wrote in the sand, and now you write on a stone? ” “ ทำไม หลังจากฉันตบคุณ คุณถึงได้เขียนข้อความลงบนทราย และตอนนี้ทำไมถึงเขียนลงบนหิน ”
The other friend, smiling, replied: ชายอีกคนได้ยิ้ม แล้วตอบว่า
“ When a friend hurts us, we should write it down in the sand, where the winds of forgiveness get in charge of erasing it away, เมื่อเราเสียใจต่อเพื่อน เราควรที่จะเขียนมันลงบนผืนทราย เวลา ที่ซึ่งลมแห่งการให้อภัยจะทำการลบมันออกไป
and when something great happens, we should engrave it in the stone of the memory of the heart, where no wind can erase it "และเมื่อบังเกิดสิ่งที่มีความสุข เราควรจะจารึกมันลงบนหินแห่งความทรงจำจากหัวใจ ที่ซึ่งลมไม่สามารถลบมันออกไปได้

วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ชีวิตที่ไร้ค่า


คุณเคยรองคิดย้อนๆไปดูไม ชีวิตของคนที่อยู่รอบข้างหรือแม้แต่ตัวคุณเอง สำหรับผมคมทั่วไปก็มีการใช้ชีวิตอยู่ 4 ขั้นตอน
-เกิด- เรียน- ทำงาน- ตาย โดยที่ผมพูดได้เต็มปากเลยว่าทุกคนในปัจจุบันนี้ก็ทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น
-เกิดมาคุณก็เอาเปรียบคนที่คุณเรียก เค้าว่า พ่อแม่แล้ว ที่เค้าต้องทำให้คุณทุกอย่าง คนหลายคนอาจไม่เคยพูดคำว่าขอบคุณเลยซักคำก็ได้ หรือแม้คิดที่ว่าจะทำอะไรเพื่อเค้าคนนั้น
-เรียนพอถึงเวลาที่คุณต้องเรียน คุณก็เรียนโดยที่คิดว่าเรียนอะไร แล้วมีงานทำ เงินเยอะ เป็นอะไรก็ได้ ไม่สำคัญ ให้มีงานมี เงินเยอะๆก็พอ โดยที่คุณอาจไม่ได้ชอบมันเลย ก็ตาม ไม่ได้รักใน สิ่งที่คุณเรียนเลย ด้วยซ้ำ
-ทำงานพอคุณได้ทำงาน คุณก็ต้องหางานที่มัน มีเงินดี ทำมันไปวันๆ เพื่อที่จะเอาเงินมา ซื้อสิ่งที่ต้องกัน เพื่อให้ตัวเองมีความสุข แม้แต่อาชีพที่ปากก็ทำ เพื่อ คนอื่น แต่สุดท้ายก็หาผลประโยชน์เข้าหาตัวเองกันทั้งนั้น
-ตายพอคุณรู้ ว่าตัวแก่ มีโรคใกล้ตาย ก็จะพยยามทำบุญเพื่อที่คิดว่าเกิดใหม่ตัวเองได้มี แต่สิ่งดีๆ

-------รองคิดกันดูสิครับว่า เกิดมาคุณทำอะไรเพื่อ ใครหรือ เพื่อ แผนดินที่คุณยื่น แล้วหรือยัง การที่คุณได้แต่คิด ได้แต่พูด แต่ไม่เคยลงมือทำมันเลย มันก็ไม่เกิดอะไรขึ้นมาหรอนะครับ---------------



วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2552

จังหวัดสมุทรสงคราม


จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นอีกจังหวัดหนึ่ง ที่มีพื้นที่อยู่ ในเขตภาคกลาง ของประเทศไทย โดยจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ใหญ่ เป็นอันดับที่ 76 ของจังหวัดทั้งหมดในประเทศไทย กับพื้นที่มากกว่า 416 ตารางกิโลเมตร
ลักษณะพื้นที่ โดยทั่วไปของ จังหวัดสมุทรสงคราม จะเป็นที่ราบลุ่ม อีกทั้ง ยังเป็นจังหวัดที่ มีทรัพยากรธรรมชาติ ที่มีความอุดมสมบูรณ์ อย่างยิ่งเนื่องจาก มีสภาพแวดล้อมติดกับ ชายฝั่งทะเลทางด้านอ่าวไทย และยังมีแม่น้ำกลองไหลผ่าน ดังคำขวัญของจังหวัดที่ว่า “เมืองหอยหลอด ยอดลิ้นจี่ มีอุทยาน ร.2 แม่กลองไหลผ่าน นมัสการหลวงพ่อบ้านแหลม”
จังหวัดสมุทรสงคราม ไม่มีหลักฐาน ที่ปรากฏชัดเจนว่า มีการก่อสร้างเมืองมา ตั้งแต่สมัยใด แต่นับได้ว่าเป็นเมือง ที่เมื่อครั้งอดีตนั้น มีความเจริญรุ่งเรือง ในฐานะ เป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งในเขตการปกครอง ของจังหวัดราชบุรี โดยจะเรียก เมืองสมุทรสงครามว่า “เมืองสวนนอก” จนกระทั่งเมือปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา จังหวัดสมุทรสงคราม จึงได้มีการแยกตัวออกจาก จังหวัดราชบุรี โดยมีชื่อเรียกว่า “เมืองแม่กลอง” ภายหลังจึงได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นจังหวัดสมุทรสงคราม มาจนถึงทุกวันนี้
อาณาเขต ของจังหวัดสมุรสงคราม
ทิศเหนือ มีพื้นที่ติดต่อกับ จังหวัดราชบุรี
ทิศใต้ มีพื้นที่ติดต่อกับ จังหวัดเพชรบุรี และชายฝั่งทะเลอ่าวไทย
ทิศตะวันออก มีพื้นที่ติดต่อกับ อ่าวแม่กลอง (เป็นส่วนหนึ่งของชายฝั่งทะเลอ่าวไทย)
ทิศตะวันตก มีพื้นที่ติดต่อกับ จังหวัดราชบุรี

วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552

สามก๊กแบบย่อ

ตอนที่ 1: คำสาบานในสวนดอกท้อ
เดิมแผ่นดินจีนเป็นสุขมาช้านานแล้วจึงเป็นศึก ครั้นศึกสงบแล้วก็เป็นสุข เป็นวัฎจักรวนเวียนมาถึงจวบจนสมัยพระเจ้าเลนเต้ ครองราชย์มิได้ตามอยู่โบราณราชประเพณี ทำให้ราชการแผ่นดินที่มีมาได้แปรผันไป เกิดการก่อขบถ ปล้นสะดมทั่วทุกหัวระแห่ง เตียวก๊ก เตียวโป้ เตียวเหลียง ปลุกระดมไพร่พลก่อขบถโจรโพกผ้าเหลือง สุดที่ทหารแผ่นดินจะต้านทานไหว จึงติดประกาศทุกหัวมุมเมือง รับอาสาสมัครผู้กล้าจับโจรให้จงได้

ฝ่ายเล่าปี่ยืนดูประกาศจากทางการแล้วทอดหายใจอยากช่วยเหลือแต่ติดทางกำลังทรัพย์ ด้วยเดิมเป็นชาวบ้านยากจน อาศัยทอเสื่อขายยังชีพ แต่ได้มีเชื้อราชวงศ์ฮั่นติดตัวมา ทันใดนั้นเตียวหุยได้พบเล่าปี่คิดช่วยเหลือ ทั้งสองจึงยินดีเป็นอันมาก ในร้านสุราเล่าปี่ และเตียวหุย ได้พบกับกวนอูซึ่งหลบหนีการตามล่าจากทางการด้วยไปฆ่าคนมา เห็นว่าทั้งสามมีความเห็นพ้องต้องกันช่วยเหลือการแผ่นดิน จึงทำพิธีสาบานเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันใต้ต้นดอกท้อ โดยเรียงจากอาวุโส เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ตามลำดับออกรวบรวมรี้พล ปราบปรามโจรโพกผ้าเหลือง ได้พบกับตั๋งโต๊ะซึ่งทางการได้แต่งตั้งมาให้ปราบปรามแต่ไร้ความสามารถ เล่าปี่จึงเข้าช่วยเหลือ ภายหลังปราบขบถสิ้นซาก พระเจ้าเลนเต้ได้ปูนบำเหน็จนายทหารใหญ่น้อย แต่ตัวเล่าปี่ซึ่งเป็นเพียงอาสาสมัครยังมิได้บำเหน็จ จึงรอคอยอยู่เป็นเวลานาน

ตอนที่ 2: การณ์แปรปรวนในราชสำนัก
ภายหลังเล่าปี่ถูกแต่งตั้งไปปกครองเมืองอันห้อก้วนซึ่งเป็นเมืองขึ้นเล็กๆ ราษฎรสรรเสริญเป็นอันมาก ต่อมมาขุนนางต๊กอิ๊ว ได้เรียกส่วยจากเล่าปี่ พาให้เตียวหุยเดือดดาลเป็นอันมาก โบยตีต๊กอิ๊วแล้วทั้งสามก็หนีออกจากเมืองไป ต่อมาได้รับไปประจำตำแหน่งที่เมืองเพงงวนก๋วน

ขันทีทั้งสิบได้เป่าหูพระเจ้าเลนเต้ ทำให้ราชการแผ่นดินฟั่นเฟือนไป ต่อมาพระเจ้าเลนเต้ประชวรหนักจึงสวรรคต มีปัญหาเรื่องการสืบรัชทายาทระหว่างหองจูเหียบผู้น้อง กับหองจูเปียนผู้พี่ โฮจิ๋นผู้เป็นพี่ของพระนางโฮเฮาอัครมเหสีผู้เป็นแม่หองจูเปียน ได้คิดแต่งตั้งให้หองจูเปียนสืบรัชทายาท แต่ขันทีทั้งสิบได้ทำการคิดยกหองจูเปียนผู้น้องขึ้นครองราษฎร์แทน และคิดการลอบฆ่าโฮจิ๋น แต่การรั่วไหลโฮจิ๋นได้บุกเข้าวังหวังกำจัดขันทีทั้งสิบให้ซิ้นซาก แต่ขันทีทั้งสิบได้หลบหนีแล้วไปอ้อนวอนต่อนางโฮเฮาให้ไว้ชีวิต โฮจิ๋นผู้พี่จึงมิอาจทำอะไรได้ แต่โฮจิ๋นได้คิดการที่กำจัดเสี้ยนหนามอยู่ตลอดเวลา แล้วส่งสาสน์ไปหัวเมืองทั้งปวงให้ยกทัพมาช่วยกำจัดขันทีทั้งสิบ

ตอนที่ 3: ทรราชย์ตั๋งโต๊ะ
ฝ่ายตั๋งโต๊ะ ผู้มีใจหยาบช้าเห็นได้ทีฮุบราชสมบัติจึงรีบยกพลเข้าเมืองหลวงหวังเพื่อกำจัดขันทีทั้งสิบเสีย ฝ่ายขันทีทั้งสิบเห็นดังนั้นจึงชิงรีบลอบฆ่าโฮจิ๋นเสียก่อนโดยลวงว่านางโฮเฮามีเหตุให้เข้าเฝ้า โฮจิ๋นเสียทีจึงถูกรุมฆ่าตาย ฝ่ายอ้วนเสี้ยวและโจโฉผู้ซึ่งเป็นขุนนางในราชสำนักเหมือนกันซึ่งอยู่ฝั่งโฮจิ๋น เห็นดังนั้นจึงบุกเข้าไปฆ่าขันทีทั้งสิบ การโกลาหลยิ่งนักเพลิงไหม้โหมกระหน่ำเข้ามาในวัง ขันทีที่เหลือจึงอุ้มพระราชบุตรทั้งสองคน ลอบหนีออกจากวังหลบหนีเข้าไปในป่า จึงตามพบ ระหว่างทางพบตั๋งโต๊ะตั้งทัพอยู่ จึงเชิญเสด็จเข้าในวัง

ฝ่ายตั๋งโต๊ะ พอเข้ามาในวังแล้วกำเริบเสิบสานเข้าชิงทรัพย์ข่มเหงราษฎรแต่ไม่มีผู้ใดห้ามปราม ขุนนางทั้งปวงต่างกลัวเกรง วันหนึ่งตั๋งโต๊ะได้ชวนขุนนางใหญ่น้อยเลี้ยงสุรา แล้วว่าจะให้ถอดหองจูเปียนเสีย แล้วให้หองจูเหียบผู้น้องครองบัลลังค์แทน ฝ่ายเต๊งหงวนพ่อเลี้ยงลิโป้มิชอบใจตั๋งโต๊ะจึงออกรบพุ่งกันอยู่บ่อยครั้ง ลิยูที่ปรึกษาตั๋งโต๊ะเห็นลิโป้มีท่าทีองอาจจึงเชิญชวนมาไว้ เป็นพรรคพวก โดยการส่งลิซกพร้อมกับเครื่องบรรณาการมากมายรวมทั้งม้าเซ็กเธาว์ ฝ่ายลิโป้เห็นแก่ลาภยศจึงบุกเข้าปลอบฆ่าเต๊งหงวนพ่อบุญธรรมเสีย แล้วมาอยู่กับตั๋งโต๊ะเป็นพ่อบุญธรรมคนใหม่ ฝ่ายขุนนางจึงยิ่งกลัวเกรงตั๋งโต๊ะเข้าไปอีก ภายหลังตั๋งโต๊ะได้ถอด หองจูเปียนออกจากราชสมบัติจับไปขังพร้อมนางโฮเฮา แล้วส่งลิยูไปปลงพระชมน์ทั้งคู่ แต่งตั้งหองจูเหียบใช้พระนามว่า พระเจ้าเหี้ยนเต้ ตั้วตัวเองเป็นเซียงก๊ก ผู้สำเร็จราชการ

ตอนที่ 4: รวบรวมหัวเมืองสู้ตั๋งโต๊ะ
ต่อมาตั๋งโต๊ะทำการหยาบช้า ตัดศรีษะราษฎร แย่งชิงสิ่งของเป็นอันมาก ทำทีว่าไปปราบโจรขบถมาแล้วชิงทรัพย์สินได้ อาณาประชาราษฎร์เดือดร้อนทุกหัวระแหง แผ่นดินเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า ฝ่ายอองอุ้นขุนนางตงฉินคิดแค้นใจตั๋งโต๊ะอยู่เป็นอันมากแต่มิอาจหักหาญสู้กับตั๋งโต๊ะได้ โจโฉจึงอาสาสมัครขอกระบี่เข้าไปลอบฆ่า แต่ไม่สำเร็จเอาตัวรอดหนีออกมาได้ แต่ถูกทางการประกาศจับทั่วทุกตำบล รวมทั้งอ้วนเสี้ยวก็ได้ออกมาตั้งตัวออกจากตั๋งโต๊ะด้วย โจโฉหนีจากทางการไม่พ้นถูกจับได้โดยตันก๋ง แต่ทั้งคู่มีใจช่วยเหลือบ้านเมืองเช่นเดียวกันจึงชวนกันหนีออกมาแต่ตันก๋งมิอาจอยู่ร่วมกับโจโฉได้เมื่อเห็นว่าโจโฉไร้คุณธรรม ที่การไปฆ่าแปะเฉียเพื่อนของบิดาตนเองเนื่องจากการเข้าใจผิดคิดว่าจะจับตัวส่งทางการ

โจโฉหนีมาถึงเมืองตันหลิว พบบิดาโจโก๋ คิดการปลอมแปลงราชสาสน์ให้ปราบปรามขบถตั๋งโต๊ะ รวบรวมเกลี้ยกล่อมรี้พล ได้เป็นจำนวนมาก ได้แฮหัวตุ้น แฮหัวเอี๋ยน โจหยิน โจหอง ลิเตียน งักจิ้น มาเป็นพรรคพวก เมื่อเจ้าเมืองต่างๆ รู้ข่าว จึงรวบรวมทหารเป็นจำนวนมากทยอยมาสมทบ รวมทั้ง เล่าปี่ด้วย กองกำลังได้มาถึงเมืองลกเอี๋ยงอันเป็นเมืองหลวง ฝ่ายตั๋งโต๊ะส่งฮัวหยงทหารเอกผู้มี ฝีมือร้ายกาจเข้าต่อสู้ ฝ่ายโจโฉมิอาจสู้ได้กวนอูจึงได้รับการแต่งตั้งออกสู้ปะมือกับฮัวหยง แม้จะได้รับคำคัดค้านจากอ้วนเสี้ยวผู้ถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้นำของกองกำลังครั้งนี้ ผลสุดท้านกวนอูตัดหัวฮัวหยงได้สำเร็จ แต่มิได้รับคำสรรเสริญจากอ้วนเสี้ยว แต่กลับได้นรับคำสรรเสริญจากโจโฉแทน
ตอนที่ 5: โยกย้ายเมืองหลวง
ภายหลังจากฮัวหยงตาย ตั๋งโต๊ะ กับลิโป้ จึงยกทัพมาขัดทัพที่ ด่านเฮาโลก๋วน ลิโป้ออกรบ เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ออกต้านพร้อมกันถึงสามคน พอดีมีทัพกระหนาบมา ลิโป้จึงล่าทัพถอย ต่อมาลิยูคิดแผน ย้ายเมืองหลวง อพยพจากลกเอี๋ยงไปเมืองเตียงฮัน ครั้นตอนย้ายตั๋งโต๊ะสั่งการให้ริบทรัพย์จากเศรษฐีเข้าท้องพระคลัง ปล้นชิงจากราษฎร ขุดศพเก็บทรัพย์สินจากพระมหากษัตริย์องค์ก่อนแลศพราษฎร ได้สินทรัพย์เป็นอันมาก ราษฎรเหยียบล้มตาย ทหารก็เข้าช่วงชิงสินทรัพย์ แลฉุดลากภรรยาชาวบ้าน เสียงร้องอื้ออึงไป รวมทั้งจุดไฟเผาลกเอี๋ยงเสีย

ฝ่ายกองกำลังโจโฉเห็นอย่างนั้นจึงยกทัพพักอยู่ที่ลกเอี๋ยงมิได้คิดตามต่อ โจโฉเห็นท่าไม่ดีจึงแยกเอากำลังตัวเองหมื่นเศษไล่ตามต่อ แต่เสียทีจนเกือบตายดีที่โจหองเข้าช่วยไว้ ฝ่ายซุนเกี๋ยนพบตราหยกสำหรับสำหรับราชสมบัติมีความยินดีนักคิดยกทัพของตัวกลับ อ้วนเสี้ยวสั่งให้เล่าเปียวจัดทัพขวางไว้ ซุนเกี๋ยนหนีออกมาได้ไปปักหลักที่เมืองกังตั๋ง แต่นั้นมาซุนเกี๋ยนกับเล่าเปียวก็ผิดใจกัน แลหัวเมืองต่างๆที่รวมกันก็ผิดใจกันเห็นจะอยู่ต่อไปมิได้จึงทยอยกันกลับ ด้วยตัวอ้วนเสี้ยวหาเป็นผู้นำมิได้


ตอนที่ 6: ซุนเกี๋ยนถึงแก่กรรม
ครั้นแยกจากกันแล้ว อ้วนเสี้ยวไปพำนักอยู่ที่เมืองโห้ลาย คิดแย่งตีเอาเมืองกีจิ๋ว แต่งกลอุบายหลอกใช้กองซุนจ้านร่วมตี แล้วส่งจดหมายหนึ่งฉบับหาฮันฮกเจ้าเมืองกีจิ๋ว ว่ากองซุนจ้านจะยกมาตี ฮันฮกจึงเปิดประตูเมืองรับอ้วนเสี้ยวมารักษาเมือง ฝ่ายกองซุนจ้านรู้ว่าถูกหลอกจึงยกทัพมาตีหวังให้หายแค้น งันเหลียง บุนทิว ทหารเอกอ้วนเสี้ยวไล่ตามตีกองซุนจ้านจนเสียที ทันใดนั้นจูล่งเข้ามาช่วยสกัดกั้นงันเหลียง บุนทิว พากองซุนจ้านหนีออกมา เล่าปี่รู้ข่าวจึงมาช่วยสกัดอ้วนเสี้ยวไว้ แลแต่นั้นมาจูล่งกับเล่าปี่ก็ถูกโฉลกกัน
ฝ่ายตั๋งโต๊ะกริ่งเกรงว่า หากผู้ใดชนะจะกำเริบเสิบสาน จึงส่งหนังสือรับสั่งห้ามเสียทั้งสองฝ่าย ฝ่ายอ้วนสุดเจ้าเมืองลำกุ๋นคิดยกทัพยุยงซุนเกี๋ยนให้โจมตีเล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋ว เล่าเปียวสั่งให้หองจอสกัดทัพที่เมืองกังแฮ ทัพหองจอถอยร่นซุนเกี๋ยนจึงยกทัพล้อมเมืองเกงจิ๋วได้ เล่าเปียวใช้แผนล่อให้ซุนเกี๋ยนตามไปที่ซอกเขาฮีสัน แล้วใช้เกาทันฑ์แลก้อนหินระดมยิงใส่ซุนเกี๋ยนถึงแก่ความตาย ผู้บุตรซุนเซ็กจึงได้ปกครองแดนกังตั๋งในเวลาต่อมา
ตอนที่ 7: กลหญิงงาม
ตั๋งโต๊ะยิ่งทำการกำเริบเสิบสานจับคนห้าร้อยคนมาฆ่าดูเล่นอย่างทรมาณในงานเลี้ยงขุนนาง น่าเวทนายิ่งนัก ฝ่ายอองอุ้นก็ยังทุกข์ใจ มิอาจหาทางกำจัดโจรแผ่นดินลงได้ พอดีนางเตียวเสี้ยนหญิงขับร้องมาพบเข้า คิดอ่านแทนคุณแผ่นดินและพ่อบุญธรรม เสนอตัวคิดอ่านล้างตั๋งโต๊ะเสียด้วยแผนการของอองอุ้นให้ เตียวเสี้ยนแสร้งทำกลมารยา ให้ทั้งลิโป้และตั๋งโต๊ะมีความรักใคร่ในตัวแม่นางเตียวเสี้ยน โดยรับปากจะให้เป็นภรรยาของลิโป้และตั๋งโต๊ะ ครั้นตั๋งโต๊ะพาเตียวเสี้ยนไปอยู่กินแล้ว ลิโป้แค้นใจเป็นอันมาก แต่แอบลอบคบหาแม่นางเตียวเสี้ยนอยู่เนืองๆ ตั๋งโต๊ะมาเห็นเข้าจึงขับไล่ลิโป้ออกไปเสีย ลิโป้เดือดดาลใจเป็นอันมาก เมื่อตั๋งโต๊ะไม่ยินยอมยกเตียวเสี้ยนให้ลิโป้

ฝ่ายอองอุ้นเห็นได้ทีลิโป้เอาใจออกห่าง คิดยุยงให้ลิโป้ฆ่าตั๋งโต๊ะเสีย ลิโป้เห็นชอบคิดการแก้แค้น อ้างรับสั่งให้เข้าเฝ้า ครั้นถึงที่ตั๋งโต๊ะแลเห็นขุนนางทุกคนถือกระบี่ จึงร้องเรียกลิโป้ผู้บุตร ลิโป้เอาทวนแทงตั๋งโต๊ะที่คอตกรถตาย แลลิยูถูกจับประหารชีวิตเสียด้วยกัน ครั้นตั๋งโต๊ะตายได้จัดศพแห่ขบวนไปทั่วเมือง อาณาประราษฎร์มีใจเจ็บแค้น รุมศพจนศพแหลกละเอียดเปื่อยไป ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งปวงและราษฎรต่างมีความยินดียิ่งนัก


ตอนที่ 8: ลิฉุย กุยกี เข้าราชสำนัก
ฝ่ายลิฉุย กุยกี ลูกน้องตั๋งโต๊ะได้หลบหนีออกมาได้ หาทางเอาตัวรอดแต่อองอุ้นมิยอมยกโทษให้ ลิฉุย กุยกี เห็นจนตรอก รวบรวมพรรคพวกโจมตีเมืองหลวง ลิโป้ออกรบต้านทานติดทัพกระหนาบสองด้านทั้งเสียรี้พล ฝ่ายพรรคพวกตั๋งโต๊ะเป็นไส้ศึกในวัง ได้เปิดประตูเมืองออก ทหารลิฉุย กุยกีกรูเข้าเมือง ลิฉุยกุยกีฆ่าอองอุ้นถึงแก่ความตาย เข้าตัดสินราชการแทนตั๋งโต๊ะทำการชั่วช้าไม่แพ้กัน ฝ่ายม้าเท้งและม้าเฉียวผู้บุตรเข้าโจมตีเมืองหลวง แต่ขาดเสบียงจึงยกทัพกลับไป ต่อมาเกิดขบถโจรโพกผ้าเหลืองออกข่มเหง ราษฎรพระเจ้าเหี้ยนเต้รับสั่งโจโฉไปปราบ และตั้งโจโฉให้ใหญ่กว่าหัวเมืองตะวันออกทั้งปวง โจโฉได้รวบรวมสมัครพรรคพวกไว้เป็นอันมาก ทั้งผู้มีสติปัญญาแลทหารเอกก็เข้ามาในเกลี้ยกล่อมเช่น ซุนฮก ซุนฮิว เทียหยก กุยแก อิกิ๋ม เตียนอุย
ตอนที่ 9: โจโฉกรีฑาทัพเหยียบชีจิ๋ว
ฝ่ายโจโฉตั้งเกลี้ยกล่อมทหารแลที่ปรึกษาได้เป็นอันมาก มีความยินดีนักคิดเชิญโจโก๋ ณ เมืองตันลิวมาอยู่ด้วย โจโก๋จึงเก็บทรัพย์สินเดินทางมาพร้อมครอบครัว ผ่านเมืองชีจิ๋วซึ่งมีโตเกี๋ยมเป็นเจ้าเมืองอยู่ ทางโตเกี๋ยมเห็นดังนั้นจึงใช้เตียวคีไปส่งให้ถึงเมือง แต่เตียวคีคิดทรยศฆ่าโจโก๋แลครอบครัวเสียสิ้น ชิงทรัพย์สมบัติหนีไป โจโฉรู้ข่าวคิดแค้นใจเป็นอันมาก สั่งพลบุกหวังเหยียบชีจิ๋วให้พินาศเป็นหน้ากลอง ฝ่ายโตเกี๋ยมคิดส่งตัวเองออกไปแทนชาวเมืองซึ่งเดือดร้อนแต่ถูกคัดค้าน ทางขงหยง เล่าปี่ คิดช่วยเหลือ โตเกี๋ยมจึงเปิดประตูให้แลหวังคิดยกเมืองให้เล่าปี่ทำนุบำรุงต่อไป ฝ่ายเล่าปี่ยังมิยินยอม โตเกี๋ยมจึงให้ไปพำนัก ณ เมืองเสียวพ่ายซึ่งเป็นเมืองขึ้นก่อน

ฝ่ายลิโป้ซึ่งหลบหนีออกมาจากเมืองหลวงได้สมคบคิดกับตันก๋งที่หนีจากโจโฉมาอยู่ด้วยลิโป้ คิดลอบตีเมืองกุนจิ๋วที่โจโฉยกทัพบุกออกมา ฝ่ายโจโฉเห็นท่าไม่ดีจึงยกทัพกลับตีเอาเมืองคืน ลิโป้ใช้กลอุบายล่อโจโฉเข้ามาในเมืองปักเอี้ยงโจโฉเกือบเสียที โจโฉจึงจำยกทัพไปตั้งอยู่ ณ เมืองเอียนเสีย

ตอนที่ 10: ลิโป้เข้าพึ่งใบบุญเล่าปี่
ฝ่ายโตเกี๋ยมป่วยหนักใกล้ตาย ได้เรียกเล่าปี่เข้ามาเพื่อขอให้เป็นเจ้าเมืองต่อแล้วขาดใจตาย เล่าปี่นึกเอ็นดูแก่ชาวเมืองจึงรับไว้ ฝ่ายโจโฉหลังจากอยู่ ณ เมืองเอียนเสีย เข้าปราบปรามโจรได้เคาทูมาเป็นพวก เห็นกองกำลังลิโป้ที่เมืองกุนจิ๋วอ่อนล้าจึงรบเอาได้โดยง่าย แล้วหักเอาเมืองปักเปี้ยง ลิโป้เข้ารบพุ่งต้านทานสู้ไม่ได้ล่าถอยหนี โจโฉออกตามตีกระหน่ำ ลิโป้เสียทีหกระเหินไปพึ่งใบบุญเล่าปี่ ณ เมืองชีจิ๋ว แต่ขัดเคืองใจกับเตียวหุย เล่าปี่จึงจัดแจงให้ลิโป้กับครอบครัวอยู่ ณ เมืองเสียวพ่าย อันเป็นเมืองน้อยของชีจิ๋ว
ตอนที่ 11: พระเจ้าเหี้ยนเต้หนีตาย
ฝ่ายลิฉุย กุยกี ทำการหยาบช้ามิได้ขาด เอียวปิวขุนนางรับใช้พระเจ้าเหี้ยนเต้จึงใช้แผนยุยงให้ลิฉุย กุยกีหมางใจกันหวังให้รบพุ่งฆ่ากันตาย ต่างคนต่างแย่งชิงพระเจ้าเห้ยนเต้ในอาณัติ ทำศึกบาดหมางกันตลอด ฝ่ายตังสินกับเอียวฮองจึงพาพระเจ้าเหี้ยนเต้หนีออกมาได้คิดพาไปพำนัก ณ เมืองลกเอี๋ยงเมืองหลวงเดิม แต่ถูกไล่กระชั้นชิด ตังสินกับเอียวฮองจึงเชิญเสด็จหนีทั้งกลางวันกลางคืน พอถึง ณ เมืองลกเอี๋ยงทรงทอดพระเนตรเห็นพระราชตำหนักแลตึกรามบ้านช่องที่มีมาแต่โบราณเป็นที่เพลิงไหม้สิ้น จึงทรงพระกรรแสง ขุนนางที่เหลือทั้งปวงจึงเชิญเสด็จ ณ ที่อยู่

ตอนที่ 12: โจโฉเป็นมหาอุปราช
ลิฉุย กุยกีกลับมาร่วมมือกันออกทัพตามพระเจ้าเหี้ยนเต้หวังฆ่าเสียให้ตาย ครั้นกระชั้นชิดพระเจ้าเหี้ยนเต้รับสั่งเรียกโจโฉมาช่วย โจโฉยกทัพสามสิบหมื่นเข้ามาสกัดทัพลิฉุย กุยกีทันเวลา ฝ่ายโจโฉเข้าเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ มีความเห็นว่าเมืองลกเอี๋ยงมิอาจทำนุบำรุงได้เหมือนเดิมแล้ว จึงเชิญเสด็จไปตั้งเมืองฮูโต๋เป็นราชธานีใหม่ ตั้งตนเป็นมหาอุปราช

โจโฉภายหลังตั้งตนเป็นมหาอุปราชแล้วมีความเห็นว่า ลิโป้กับเล่าปี่ มีความกล้าแข็ง เกรงเป็นอันตรายต่อไปภายหน้าคิดกำจัดเสีย ซุนฮกที่ปรึกษาจึงคิดแผนการให้เสือสองตัวกัดกันเอง ส่งราชสาสน์ให้เล่าปี่ไปรบอ้วนสุด ฝ่ายเล่าปี่ให้เตียวหุยอยู่รักษาเมือง แต่ด้วยเตียวหุยเป็นคนหยาบช้าทั้งติดสุรา ทำให้ลิโป้แว้งกัดชิงตีเอาเมืองชีจิ๋วไว้ได้ กลับให้เล่าปี่ไปอยู่เมืองเสียวพ่ายแทน เล่าปี่แสร้งมีน้ำใจไม่วู่วามจึงรับไว้

ตอนที่ 13: ซุนเซ็กเป็นใหญ่ฝั่งกังตั๋ง
ฝ่ายซุนเซ็กภายหลังบิดาตาย มีเหตุมิให้อยู่เมืองกังหนำจึงไปอยู่รับใช้ด้วยอ้วนสุด ต่อมาคิดเอาตราหยกกษัตริย์ที่ซุนเกี๋ยนผู้เป็นบิดาเก็บได้ครั้งรบกับตั๋งโต๊ะไปจำนำแก่อ้วนสุด ยืมกำลังทหารคิดแก้แค้นเล่าอิ้วแทนบิดา ครั้นได้แล้วซุนเซ็กออกเดินทางมาพบสหายรักเก่าจิวยี่ จึงรับมาร่วมเดินทางด้วย ออกรบเล่าอิ้วได้ไทสูจู้เป็นพวก ภายหลังรบชนะคิดออกตีเงียมแปะฮอเจ้าเมืองต๋องง่อ อ่องหลองเจ้าเมืองห้อยเข ครั้นออกรบแตกพ่ายไปก็ได้เป็นใหญ่ในเมืองฝั่งกังตั๋งและได้ทหารแลสะสมเสบียงอาวุธไว้เป็นอันมาก ส่งสาสน์คำนับไปยังพระเจ้าเหี้ยนเต้และส่งคนไปทวงตราหยกคืนจากอ้วนสุด ครั้งนั้นเกิดเหตุการณ์สำคัญ จิวท่ายทหารเอกออกรบช่วยซุนกวนผู้น้องซุนเซ็กหลบหนีจากโจรป่าไว้ได้ แต่แผลเต็มตัวเห็นว่าจะไม่รอด ซุนเซ็ก ซุนกวนนึกสงสารจึงหาทางเชิญหมอฮัวโต๋ซึ่งเป็นหมอเทวดาในสมัยนั้นมารักษาให้หายขาด หมอฮัวโต๋ต่อมาจึงมีชื่อเสียงยิ่งนัก

ตอนที่ 14: ลิโป้ยิงเกาทัณฑ์ห้ามทัพ
ฝ่ายอ้วนสุดตั้งแต่ได้ตราหยกมีใจกำเริบคิดตั้งตนเป็นฮ่องเต้ไม่คืนแก่ซุนเซ็ก คิดออกตีเล่าปี่ โดยเอาของไปติดสินบนลิโป้มิให้ช่วยเหลือเล่าปี่ แต่ลิโป้กริ่งเกรงว่าหากมิให้ความช่วยเหลือเล่าปี่ แล้วอีกหน่อยจะมีภัยถึงตัวเป็นแน่ จึงออกห้ามทัพโดยท้าพนันแสดงฝีมือยิงเกาทัณฑ์ติดปลายทวน ที่ไกลห้าเส้นถ้ายิงติดปลายทวนให้กิเหลงซึ่งอ้วนสุดใช้ยกมาตีเล่าปี่ถอยทัพกลับไป ลิโป้ยิงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ กิเหลงจึงมิอาจทำอะไรได้เลยถอยทัพกลับไป
อ้วนสุดจึงใช้กลยุทธ์ปรองดองขอลูกสาวลิโป้ให้บุตรชายตน ครั้นจะส่งลูกสาวลิโป้คิดกลับคำหน่วงเวลาไว้ลิโป้กับเล่าปี่จึงยังมิได้กินแหนงกันเท่าไหร่นัก ต่อมาเตียวหุยใช้คนไปขโมยฝูงม้าลิโป้ ลิโป้รู้เข้าจึงโกรธยกทัพมาตีเสียวพ่ายแตก เล่าปี่กับครอบครัวจึงรบหนีฝ่ามาพึ่งโจโฉ ณ เมืองฮูโต๋ โจโฉจึงกราบทูลให้เล่าปี่ไปตั้ง ณ เมืองอิจิ๋วรอการแก้แค้น
ตอนที่ 15: โจโฉเสียเตียนอุย
ครั้นอยู่มาเตียวสิ้วกับเล่าเปียวสมคบคิดกันจะมาตีเมืองฮูโต๋ โจโฉจึงสั่งพลออกรบด้วยแล้วส่งสัมพันธไมตรีไปยังลิโป้ ฝ่ายเตียวสิ้วเห็นว่าสู้ไม่ได้จึงยอมเข้าเกลี้ยกล่อมแต่โดยดี มาวันหนึ่งโจโฉเห็นหญิงรูปงามรู้ว่าเป็นอาสะใภ้เตียวสิ้วจึงเลี้ยงไว้เป็นภรรยา เตียวสิ้วคิดน้อยใจอัปยศนักจึงวางแผนหลอกมาตั้งค่ายในค่ายโจโฉให้ชะล่าใจ แล้วจึงจุดเพลิงรอบด้านพาทหารหวังจับโจโฉเสีย โจโฉหลบหนีมาทางข้างหลังได้ แต่เตียนอุยทหารเอกคู่ใจเข้ารบด้วยทหารเตียวสิ้วป้องกันสุดความสามารถ จนอาวุธที่ถือในมือหักจึงฉวยศพเข้าสองมือสู้เป็นสามารถ ทหารเตียวสิ้วระดมเกาทัณฑ์แลทวนเข้าทั่วร่างเตียนอุยต้องอาวุธบาดเจ็บทั่วกาย ยืนพิงประตูค่ายจนสิ้นใจ
ฝ่ายโจโฉหลบหนีออกมาทางแม่น้ำหยกซุย สูญเสียโจงั่งบุตรเอกกับโจอั๋นบิ๋นผู้หลาน ครั้นรวบรวมทหารได้แล้ว จึงแต่งโต๊ะสุราเซ่นเตียนอุย ว่าแก่ทหารทั้งปวงว่าแม้เราเสียบุตรเอกแลหลานยังมิเสียดายเท่าเสียเตียนอุยเลยนึกเสียดายยิ่งนัก ว่าแล้วก็ร้องไห้รักเตียนอุย ทำให้ทหารทั้งปวงต่างร้องไห้ซึ้งใจยิ่งนัก แล้วจัดแจงยกทหารกลับฮูโต๋

อยู่มาลิโป้ได้รับหนังสือแต่งตั้งโจโฉจึงยินดียิ่งนัก คิดลำเลิกส่งลูกสาวแลตัดสัมพันธไมตรีกับอ้วนสุด อ้วนสุดโกรธจะยกไปรบลิโป้ ลิโป้จึงส่งจดหมายไปยังโจโฉฉบับหนึ่ง เล่าปี่ฉบับหนึ่งให้ยกมาช่วย แล้วออกรบด้วยอ้วนสุด อ้วนสุดเสียทีหนีไปพบเล่าปี่เข้าสู้ด้วยกวนอู ล่าถอยไปเมืองลำหยง คิดยืมกำลังซุนเซ็ก ซุนเซ็กโต้กลับด่าว่าไอ้โจรขบถ ต่อมาโจโฉส่งสาสน์แต่งตั้งไปแก่ซุนเซ็กให้เป็นเจ้าเมืองห้อยเขแล้วให้ยกไปตีอ้วนสุดด้วย โจโฉ เล่าปี่ ลิโป้ และซุนเซ็กจึงออกรบด้วยอ้วนสุด ณ เมืองลำหยงจากทุกทิศ
ตอนที่ 16: อ้วนสุดหนีโจโฉ
โจโฉจึงให้ลิโป้เป็นปีกซ้าย เล่าปี่เป็นปีกขวามุ่งสู่ลำหยง ครั้นถึงเมืองโจโฉจัดแจงให้ เล่าปี่ ลิโป้ ซุนเซ็ก โอบล้อมเมืองทั้งสี่ด้านให้สัญญาณบุกโจมตีพร้อมกัน อ้วนสุดเห็นต้านทานมิได้จึงพาครอบครัวแอบหลบหนีไปตำบลห้วยหนำ โจโฉมิรู้ว่าอ้วนสุดหนีจากเมืองจึงล้อมเมืองอยู่เดือนครึ่ง ทหารทั้งปวงอดอยากเสบียงอาหารยิ่งนัก โจโฉจึงยืมหัวของอองเฮานายฉาง ตัดหัวแล้วบอกว่าอองเฮากระทำผิดฉ้อข้าว ทหารทั้งปวงเห็นดังนี้จึงมีน้ำใจออกรบ แล้วสั่งให้ทหารทั้งปวงเบิกข้าวที่เหลือจนหมด สั่งให้โจมตีเมืองให้ได้

ครั้นโจโฉหักเอาเมืองได้รู้ว่าอ้วนสุดหนีไปเมืองห้วยหนำจึงคิดตีตาม รู้ข่าวว่าเตียวสิ้วกลับมาคิดตีจะเอาเมืองฮูโต๋จึงยกทัพกลับฮูโต๋ตระเตรียมการรบด้วยเตียวสิ้ว ต่อมารู้ข่าวว่าตวนอุย งอสิบ ฆ่าลิฉุย กุยกีได้แล้วเอาศีรษะมาให้ก็ยินดียิ่งแล้วยกทัพออกตีเตียวสิ้ว

ขณะนั้นเป็นฤดูข้าวโภชน์สาลีสุก โจโฉสั่งทหารทั้งปวงห้ามเหยียบข้าวโภชน์สาลีแม้แต่ต้นหนึ่งจะฆ่าเสียมิเว้นแม้แต่นายกองใหญ่ ชาวบ้านทั้งปวงจึงสรรเสริญยิ่ง อยู่มาโจโฉขี่ม้าผ่านไร่สาลี นกบินตัดหน้า ม้าทีโจโฉขี่จึงตื่นวิ่งเตลิดเหยียบข้าวสาลีหักเป็นอันมาก เห็นว่าคำสั่งจะมิเป็นที่นับถือต่อไป จึงคิดอุบายแสร้งชักกระบี่จะเชือดคอตัวเอง นายทัพทั้งปวงจึงห้ามไว้ ว่าแล้วโจโฉจึงตัดเพียงผมเองว่าแก่ทหารทั้งปวง ทหารทั้งปวงจึงสรรเสริญโจโฉมากกว่าแต่ก่อนว่าอยู่ในสัตย์ธรรม

ครั้นโจโฉคิดตีเมือง กาเซี่ยงที่ปรึกษาเตียวสิ้วคิดอุบายหลอกโจโฉ โจโฉจึงแตกทัพหนีมา รู้ว่าอ้วนเสี้ยวจะยกทัพตีฮูโต๋จึงยกทัพกลับเมือง รู้ว่าอ้วนเสี้ยวทำการกำเริบจึงคิดยกไปตีแลขอความเห็นที่ปรึกษาทั้งปวง กุยแกจึงว่าการตีอ้วนเสี้ยวนั้นไม่ยากแล้วชี้ข้อเด่นของโจโฉสิบประการ ข้อด้อยของอ้วนเสี้ยวสิบประการ แต่ยังมิอาจตีได้ด้วยมีลิโป้คิดลอบตีฮูโต๋อยู่ โจโฉเห็นด้วย โจโฉจึงแต่งตั้งอ้วนเสี้ยวเป็นเจ้าเมืองกิจื๋ว อ้วนเสี้ยวรู้ดังนั้นจึงมีความยินดีคิดออกรบด้วยกองซุนจ้าน ให้เล่าปี่ที่โจโฉให้กลับไปอยู่เมืองเสียวพ่ายรอการตลบหลังลิโป้ ให้คิดการจับลิโป้เสีย แล้วตระเตรียมกะเกณท์ทหารเตรียมออกรบ

ตอนที่ 17: ประหารลิโป้
ฝ่ายลิโป้จับเอาม้าใช้ฝ่ายโจโฉที่ส่งหนังสือไปยังเล่าปี่ให้คิดอ่านกำจัดลิโป้ได้ จึงคิดแค้นใจแบ่งกองกำลังไปตีเมืองกุนจิ๋ว และเล่าปี่ที่เมืองเสียวพ่าย เล่าปี่รู้ดังนั้นจึงจัดแจงส่งหนังสือไปยังโจโฉให้ยกทัพมาช่วยโจโฉแจ้งดังนั้นจึงคุมทหารมีฝีมือเป็นอันมาก ออกรบด้วยลิโป้โดยส่งแฮหัวตุ้นเป็นทัพหน้า

แฮหัวตุ้นได้ออกรบกับโกซุ่นทหารลิโป้ครั้นได้ทีไล่กวดไป โจเสงซุ่มเอาเกาทัณฑ์ยิงเข้าไปที่จักษุซ้ายแฮหัวตุ้นแฮหัวตุ้นร้องขึ้นด้วยเสียงอันดังแล้วดึงเกาทัณฑ์ออก ร้องว่าลูกตาเป็นสิ่งประเสิรฐที่พ่อแม่ให้มาจะให้ตกพื้นเสียมิได้แล้วจึงจับลูกตากลืนเข้าไปในปาก แล้วเอาทวนแทงโจเสงตกม้าตาย

ครั้นเล่าปี่ออกมาตั้งทัพซุ่มนอกเมือง ลิโป้เห็นดังนั้นจึงตีแตกพ่ายกระจัดกระจายไป ตัวเล่าปี่หนีออกไปหาทัพโจโฉฝ่ายตันกุ๋ย ตันเต๋ง ซึ่งเป็นไส้ศึกของโจโฉที่อยู้ ณ เมืองชีจิ๋ว คิดอุบายให้ลิโป้กับตันก๋งออกรบฆ่ากันเองแล้วยึดเมืองชีจิ๋วเสีย ลิโป้จึงแตกหนีไปยังเมืองเสียวพ่าย แต่ตันเต๋งคิดอุบายหลอกโกซุ่น เตียวเลี้ยวที่ประจำอยู่ ณ เมืองเสียวพ่ายให้ยกออกไปช่วยลิโป้ แล้วยึดเมืองเสียอีก ลิโป้รู้ดังนั้นจึงจำไปอยู่ ณ เมืองแห้ฝือ

โจโฉยกทัพล้อมเมือองแห้ฝือไว้ ให้เล่าปี่ไปสกัดอ้วนสุดกันมาช่วยลิโป้ ฝ่ายลิโป้มิคิดออกรบเชื่อฟังแต่ภรรยาไม่สนแผนอุบายของตันก๋ง เสพย์สุราทุกวันครั้นจะคิดให้อ้วนสุดมาช่วยรบก็มิได้ ด้วยอ้วนสุดให้ส่งบุตรสาวของตนที่เคยคิดส่งไปให้ก่อน แลโจโฉ เล่าปี่ได้ล้อมกองกำลังแน่นหนามิอาจฝ่าไปได้ ลิโป้จึงเสพย์สุราทุกวันมิได้ขาด วันหนึ่งภรรยาลิโป้เอากระจกมาส่องให้ดู ลิโป้เห็นตัวเองเสื่อมโทรมหมดราศีเพราะสุรา จึงสั่งห้ามให้ทหารทั้งปวง ห้ามกินสุราถ้าพบเห็นผู้ใดจะตัดศีรษะเสีย

วันหนึ่งลิโป้พบเฮาเสงคิดเลี้ยงสุรา จึงสั่งโบยหวายห้าสิบที เฮาเสงคิดแค้นใจเป็นอันมากจึงร่วมมือกับซุยเหียน ลักม้าเซ็กเธาว์ของลิโป้ไปกำนัลด้วยโจโฉ แล้วทั้งสองได้แอบไปจับมัดลิโป้ขณะนั่งหลับที่ประตูเมือง โจโฉเห็นดังนั้นได้ทีบุกเข้ายึดแห้ฝือได้ จับได้ทหารทั้งปวงหลังจากปิดล้อมอยู่หลายเดือน

โจโฉสั่งประหารโกซุ่น ลิโป้ เสีย แลตันก๋งคิดยอมตายเองมิยอมเป็นบ่าวสองนาย โจโฉเสียใจร้องไห้รักเป็นอันมากมิอาจรั้งไว้ได้จึงสั่งเลี้ยงดูบุตรภรรยาเป็นอย่างดี ส่วนเตียวเลี้ยวโจโฉเลี้ยงดูไว้เป็นทหารเอก

ตอนที่ 18: แผนฆ่าโจโฉ
โจโฉปูนบำเน็จทแกล้วทหารใหญ่น้อยทั้งปวง แล้วพาเล่าปี่ไปเข้าเฝ้า พระเจ้าเหี้ยนเต้ลำดับเชื้อพระวงศ์ดูจึงเรียกเล่าปี่เป็นอา ขณะนั้นอำนาจทั้งปวงอยู่ในมือโจโฉสิ้น ครั้งหนึ่งโจโฉพาพระเจ้าเหี้ยนเต้ออกประพาสป่ายิงเนื้อ แล้วทำหยาบช้าให้พระเจ้าเหี้ยนเต้เสียหน้ายิ่งนัก พระเจ้าเหี้ยนเต้คิดระกำใจโทมนัสอยู่ ฮกอ้วนผู้เป็นบิดานางฮกเฮาผู้เป็นมเหสีพระเจ้าหี้ยนเต้เสนอคิดอ่านล้างโจโฉจึงชักชวน ตังสิน จูฮก จูลัน ตันอิบ โงห้วน ม้าเท้งแลเล่าปี่ เข้าล้างโจโฉแลทั้งเจ็ดได้ลงหนังสือสัญญากัน สั่งห้ามแพร่งพรายไป

ตอนที่ 19: อ้วนสุดตาย
ครั้นเล่าปี่รับคำตังสินแล้วจึงแสร้งถ่อมตัวปลูกผักอยู่แต่ในบ้าน โจโฉสงสัยจึงเชิญเล่าปี่กินโต๊ะ เสพสุราที่สวนแล้วปรึกษาการราชการอยู่ โจโฉแสร้งถามหาผู้คิดการใหญ่ เก่งกล้าในแผ่นดินดังมังกรสำแดงเดชหวังจับพิรุธเล่าปี่ เล่าปี่บ่ายเบี่ยงไปตอบเจ้าเมืองอื่น โจโฉจึงว่าอันผู้มีสติปัญญาริอ่านคิดการใหญ่เห็นจะมีแต่เรากับท่านเท่านั้น เล่าปี่ครั้นพอได้ยิน จึงสะดุ้งตกใจเป็นการใหญ่ ตะเกียบที่ถืออยู่หลุดจากมือ ขณะนั้นเกิดพายุหนักได้ยินเสียงฟ้าร้อง เล่าปี่จึงแสร้งทำเป็นว่าตกใจฟ้าร้องแล้วเอามือปิดหูไว้ ตะเกียบหลุดออกจากมือ โจโฉเห็นดังน้นก็สิ้นสงสัย นึกว่าเล่าปี่ขี้ขลาดนัก ต่อมาโจโฉจึงไม่ได้คิดแคลงระแวงเล่าปี่

อยู่มาเล่าปี่ได้ยินข่าวว่ากองซุนจ้านแพ้อ้วนเสี้ยวเสียแล้ว ตัวนั้นฆ่าบุตรภรรยาเสียสิ้น แล้วเชือดคอตายเล่าปี่นึกสงสารยิ่งนักทั้งยังนึกถึงจูล่งด้วย ต่อมาได้ข่าวว่าอ้วนสุดหวังไปรวมกับอ้วนเสี้ยว ณ เมือง กิจิ๋ว เล่าปี่จึงอาสาออกสกัดตี ทั้งคิดหนีเงื้อมมือโจโฉ โจโฉจึงยกให้ทหารไปห้าหมื่นไปสกัดทัพ

เล่าปี่ออกรบด้วยอ้วนสุด ณ เมืองชีจิ๋ว กองทัพเล่าปี่ไล่ฆ่าทหารอ้วนสุดแตกกระจายไป อ้วนสุดจึงหนีไปทางเมืองฉิวฉุน ระหว่างทางถูกโจรชิงตีเอาทรัพย์แลเสบียงไปเป็นอันมาก อ้วนสุดนึกเสียใจยิ่งนัก หนีไปขอทานอาหารชาวบ้านกิน ชาวบ้านมีใจเจ็บแค้นเอาข้าวทั้งเปลือกหุงให้กิน อ้วนสุดกินไม่ได้ถามหาน้ำผึ้งละลายกิน ชาวบ้านโกรธตวาดว่าที่กันดารแห่งนี้ มีแต่โลหิตคน อ้วนสุดนึกน้อยใจ อาเจียนโลหิตออกแล้วขาดใจตายบนเตียง ฝ่ายเล่าปี่รู้ว่าอ้วนสุดตายแล้ว จึงแจ้งไปยังโจโฉว่าขอไปรักษาเมืองชีจิ๋ว แล้วเตียวหุยได้ฆ่ากีเหมาซึ่งโจโฉสั่งมากำกับเสียเล่าปี่คิดเกรงกลัวโจโฉมาตียิ่งนัก

ตอนที่ 20: เริ่มยุทธการกัวต๋อ
เล่าปี่จึงเชื้อเชิญอ้วนเสี้ยวมาช่วยตีโจโฉ อ้วนเสี้ยวจึงตัดสินใจยกตี แล้วอ้วนเสี้ยวส่งจดหมาย ไปทั่วทุกเมืองห้ามเข้าด้วยโจโฉ โจโฉรู้ดังนั้นสั่งให้เล่าต้าย อองต๋งไปสกัดทัพเล่าปี่โดยให้ธงสำคัญไปเสมือนว่า โจโฉยกมาเองอีกส่วนหนึ่งให้โจหยินสกัดที่กัวต๋อ อนึ่งทัพอ้วนเสี้ยวยังรีรออยู่ยังมิออกรบพุ่งยืดเยื้ออยู่

ฝ่ายเล่าปี่จับตัวเล่าต้าย อองต๋งได้ รู้ว่าโจโฉไม่ได้นำทัพใหญ่มาเอง จึงปล่อยเล่าต้าย อองต๋งเสีย โจโฉโกรธคิดตีเล่าปี่ ขงหยงที่ปรึกษาจึงบอกว่าควรเกลี้ยกล่อมเล่าเปียว เตียวสิ้ว เสียก่อนจึงไม่พะวงหน้าพะวงหลัง โจโฉเห็นชอบด้วย โจโฉจึงส่งเล่าหัวไปเกลี้ยกล่อมเตียวสิ้ว เตียวสิ้วกับกาเซี่ยงที่ปรึกษาตกลงเข้าด้วยโจโฉ โจโฉจึงแต่งตั้งเตียวสิ้วเป็นนายทหารผู้ใหญ่ กาเซี่ยงเป็นที่ปรึกษา

ตอนที่ 21: เปิดโปงแผนลอบฆ่า
ฝ่ายเล่าเปียว โจโฉแต่งตั้งยีเอ๋งไปเกลี้ยกล่อม ด้วยยีเอ๋งมีนิสัยหยาบช้า เล่าเปียวจึงมิเข้าด้วยโจโฉ ทั้งส่งยีเอ๋งไปให้หองจอฆ่า อยู่มาเกียดเป๋งหมอหลวงเข้าร่วมด้วยตังสินคิดอ่านล้างโจโฉ ออกอุบายเข้ารักษาโรคปวดหัวของ โจโฉแลใส่ยาพิษลงไปในยา โจโฉรู้ทันแลรู้ตัวผู้สมคบคิด จึงจับตัวเกียดเป๋งไปทรมาณจนตายและจับตัวตังสิน จูฮก จูลัน ตันอิบ โงห้วน เสียพร้อมบุตรภรรยาไปฆ่าเสียสิ้นนอกกำแพงเมือง รวมทั้งนางตังกุยหุยผู้น้องตังสินซึ่งเป็นมเหสีพระเจ้าเหี้ยนเต้ด้วย แล้วสั่งโจหองให้กำกับตรวจตราพระราชวัง ห้ามมิให้เชื้อพระวงศ์เข้าไปได้

ตอนที่ 22: โจโฉเกลี้ยกล่อมกวนอู
โจโฉระดมพลเตรียมล้างเล่าปี่ ฝ่ายเตียนห้องแนะนำอ้วนเสี้ยวให้ตีฮูโต๋เวลานี้ด้วยเมืองยังว่างอยู่ แต่อ้วนเสี้ยวมิเชื่อมัวแต่กังวลบุตรที่ยังป่วยอยู่ มิมีใจออกรบพุ่งจึงตั้งมั่นอยู่ในเมือง

ฝ่ายเล่าปี่ เตียวหุยคิดอุบายแอบปล้นค่ายโจโฉ แต่ทำการมิสำเร็จถูกโจโฉตีแตกพ่ายกระจัดกระจายไป เล่าปี่หนีไปตัวคนเดียวเข้าพึ่งอ้วนเสี้ยว โจโฉจับตัวกวนอูที่อยู่รักษาครอบครัวเล่าปี่ที่เมืองแห้ฝือได้ เข้าเกลี้ยกล่อม กวนอูยอมปลงใจอยู่ด้วยโจโฉโดยมีข้อแม้สามประการ ประการหนึ่งจะอยู่รับใช้พระเจ้าเหี้ยนเต้มิใช่โจโฉ อีกประการหนึ่ง ขออยู่รับใช้พี่สะใภ้ทั้งสองเองห้ามมิให้ใครกล้ำกลาย ประการสุดท้ายหากรู้ว่าเล่าปี่อยู่ที่ไหนจะรีบไปหาอย่างไม่รีรอ โจโฉตกลงยินยอมรับกวนอู
ตั้งแต่กวนอูมาอยู่โจโฉเอาใจทุกวันมิได้ขาด สามวันแต่งโต๊ะเลี้ยงทีหนึ่ง แต่กวนอูยังมีใจอยู่กับเล่าปี่ โจโฉจึงนึกเสียใจยิ่ง วันหนึ่งโจโฉยกม้าเซ็กเธาว์ให้กวนอู กวนอูปลาบปลื้มใจยิ่งนักว่าจะได้กลับไปหาเล่าปี่ได้เร็วขึ้น โจโฉจึงมีความวิตกยิ่งนัก ฝั่งหนึ่งชื่มชมกวนอูว่ามีความกตัญญูหาผู้ใดเสมอมิได้

ตอนที่ 23: กวนอูฆ่างันเหลียง บุนทิว
อยู่มาอ้วนเสี้ยวเชื่อคำยุยงของเล่าปี่ที่ไปอยู่ด้วยให้ออกตีโจโฉ อ้วนเสี้ยวจึงสั่งงันเหลียงทหารเอกยกทัพออกตี เป็นทัพหน้าก่อนเข้าทางด่านแปะแบ๊ กวนอูอาสาออกตี เอาง้าวฟันงันเหลียงคอขาดตาย อ้วนเสี้ยวจึงส่งบุนทิวออกรบอีก กวนอูก็ฆ่าบุนทิวตายเสียอีกคน อ้วนเสี้ยวรู้ดังนั้นก็โกรธก็สั่งฆ่าเล่าปี่ที่ให้กวนอูมาฆ่าทหารเอกเสียถึงสองคน เล่าปี่จึงกล่าวอ้างว่ามิรู้เรื่องแลจะยกกวนอูให้อ้วนเสี้ยวได้ทำการสืบไป อ้วนเสี้ยวจึงตกลงยินยอม อยู่มากวนอูได้ข่าวว่าเล่าปี่ไปอยู่ด้วยอ้วนเสี้ยว ก็คิดทำการออกจากโจโฉไปหาเล่าปี่ แต่ยังรั้งรอไว้อยู่ด้วยยังมิได้ร่ำลาโจโฉ

ตอนที่ 24: กวนอูหักด่านรายทาง
ฝ่ายโจโฉคิดทำการหน่วงเหนี่ยวกวนอูไว้มิยอมให้กวนอูร่ำลาแต่มิสำเร็จ นึกเสียใจยิ่งนักด้วยเลี้ยงดูไว้มิได้ ที่ปรึกษาแลนายทหารแนะนำโจโฉให้กำจัดเสีย มิเช่นนั้นจะเป็นเสี้ยนหนามต่อไปภายภาคหน้า โจโฉจึงว่ากวนอูมีใจกตัญญูต่อเล่าปี่แลให้สัตย์สัญญาไว้ ครั้นจะให้จับตัวมาก็เสียวาจาไปจึงออกมาส่งกวนอูถึงกลางทาง แลสรรเสริญกวนอูยิ่งนักทั้งมอบเสื้อผ้าให้แก่กวนอู ครั้นกวนอูออกมาถึงด่านกลางทางเจอนายด่านสกัดไว้ไม่ให้ผ่าน เรียกหาใบเบิกทาง กวนอูว่าไม่มีจึงเข้ารบพุ่งด้วยฆ่านายด่านเสียหลายคนหักเสียห้าด่านหนีออกมาได้ พบแฮหัวตุ้นเข้าสกัดทัพอยู่จึงได้รบพุ่งกันเป็นสามารถ พอดีเตียวเลี้ยวนำใบเบิกทางแลคำสั่งโจโฉมาห้ามไว้ แฮหัวตุ้นจึงหยุดรบกับกวนอู แล้วเตียวเลี้ยว แฮหัวตุ้น จึงปล่อยกวนอูเดินทางไปหาเล่าปี่ต่อไป

ตอนที่ 25: สามพี่น้องพบพาน
ฝ่ายกวนอูกับพี่สะใภ้เดินทางมาได้จิวฉองมาเป็นพวก พบเตียวหุยที่เขาบองเอี๋ยงสันจึงเข้าไปหา เตียวหุยเข้าห้ามไว้ด้วยเข้าใจผิดว่ากวนอูเป็นพวกโจโฉแล้ว เข้ารบกันเป็นสามารถ พอดีทหารโจโฉที่คิดแค้นไล่ตามมา กวนอูจึงวกกลับไปตัดศีรษะมาให้เตียวหุยดูว่ามิใช่เป็นพวกเดียวกับโจโฉ เตียวหุยจึงโผเข้าคำนับกวนอูว่าตัวนั้นใจเบาผิดนัก แลพี่น้องทั้งสองจึงร้องไห้รักกัน

อยู่มากวนอูเดินทางรั้งรอให้ซุนเขียนไปแจ้งเล่าปี่ให้หนีออกมาจากอ้วนเสี้ยว แลพักที่กระท่อมแห่งหนึ่ง นายบ้านยกกวนเป๋งบุตรชายตนให้เป็นบุตรบุญธรรมกวนอู ฝ่ายเล่าปี่แสร้งออกอุบายแก่อ้วนเส้ยวว่าจะไปเกลี้ยกล่อมเล่าเปียว ณ เมืองเกงจิ๋ว อ้วนเสี้ยวไม่รู้กลอุบายเห็นชอบด้วย

ฝ่ายเล่าปี่หนีออกมาพบกวนอูดีใจยิ่ง พบจูล่งเที่ยวเป็นโจรอยู่ในป่า เล่าปี่จึงว่าครั้นจูล่งอยู่กับกองซุนจ้าน ยังหาบุญไม่จึงมิได้มาอยู่ร่วมคิดกัน บัดนี้มีบุญวาสนายิ่ง จูล่งจึงว่าตั้งแต่มาทุกเมืองยังมิหาคนโอบอ้อมอารีเท่าเล่าปี่ จึงขออยู่รับใช้ด้วยเล่าปี่ เล่าปี่มีความยินดียิ่ง

ทั้งสามพี่น้องจึงได้มาพบพานพร้อมหน้ากันอีกครั้งแลไปตั้งซ่องสุมคน ณ เมืองยีหลำ ฝ่ายอ้วนเสี้ยวรู้เข้าก็โกรธจะยกไปตีเล่าปี่ ที่ปรึกษาจึงว่าเห็นว่าเล่าปี่ทหารน้อยจะยกไปทำการเมื่อไรก็ได้ บัดนี้วิตกอยู่แต่โจโฉให้รีบกำจัดเสีย อ้วนเสี้ยวเห็นชอบด้วย

ตอนที่ 26: ซุนกวนขึ้นครองฝั่งกังตั๋ง
ฝ่ายซุนเซ็กตั้งแต่เป็นใหญ่ ณ ฝั่งกังตั๋ง ทำการหยาบช้าฆ่าเค้าก๋องเมืองง่อกุ๋นเสีย ทหารเค้าก๋องคิดแค้นจึงลอบฆ่าซุนเซ็กได้รับบาดเจ็บเป็นหลายแห่ง หมอฮัวโต๋เข้าทำการรักษาจนหาย แลด้วยบาดแผลมีพิษจึงห้ามซุนเซ็กอารมณ์ร้อนเสียร้อยวัน ด้วยซุนเซ็กเป็นคนด่วนใจเร็วเห็นอิเกียดที่ได้อ้างตนว่า เป็นผู้วิเศษรักษาคนอยู่ ณ แดนกังตั๋ง ผู้คนนับถือเป็นอันมากนึกอิจฉาจึงจับมาฆ่าเสีย ต่อมาซุนเซ็กจึงได้เห็นแต่ภาพหลอนอิเกียดมาหลอกหลอน ไม่เว้นแต่ละวันจนคลุ้มคลั่งด้วยพิษกำเริบร่างกายทรุดโทรม เห็นว่าตัวจะมิรอดจึงเรียกซุนกวนผู้น้องยกตำแหน่งบ้านเมืองให้ทำนุบำรุงต่อไป อันการข้างในให้ปรึกษาเตียวเจียว การสงครามให้ปรึกษาจิวยี่ สั่งเสร็จแล้วก็สิ้นใจ ซุนกวนจึงออกว่าราชการแทนซุนเซ็กแต่นั้นมา

ตั้งแต่ซุนกวนครองตำแหน่งแทนซุนเซ็กก็เชื้อเชิญเกลี้ยกล่อม โลซก จูกัดกิ๋น แลผู้มีสติปัญญาเป็นอันมาก มาช่วยว่าราชการ แลส่งหนังสือเข้าด้วยโจโฉ โจโฉจึงแต่งตั้งซุนกวนเป็นเจ้าเมืองกังตั๋ง แต่นั้นมา บรรดาราษฎรทั้งปวงแลเมืองขึ้น ก็มีใจยินดีต่อซุนกวนเป็นอันมาก

ตอนที่ 27: ศึกประวัติศาสตร์
ฝ่ายอ้วนเสี้ยวกะเกณท์ทหารในเมืองกิจิ๋ว อิวจิ๋ว เซียงจิ๋ว เป๊งจิ๋ว ได้เจ็ดสิบหมื่นยกทัพไปตีฮูโต๋ แฮหัวตุ้นซึ่งรักษาอยู่ตำบลกัวต๋อแจ้งไปยังโจโฉ โจโฉจึงเกณท์ทหารเจ็ดหมื่นห้าพันไปบรรจบกับแฮหัวตุ้น ตั้งคอยทัพอยู่ตำบลแม่น้ำฮองโห

อ้วนเสี้ยวตั้งประชิดค่ายโจโฉเผชิญหน้ากับอ้วนเสี้ยวต่อสู้ออกรบกันอย่างยืดเยื้อ ทหารโจโฉน้อยกว่าเก้าส่วนสิบส่วน ตั้งสกัดทัพต้านอ้วนเสี้ยวอยู่ โจโฉนับวันจะตกที่นั่งลำบากเสบียงอาหารไม่พอ จึงคิดจะยกกลับฮูโต๋ ซุนฮกซึ่งรักษาเมืองฮูโต๋จึงส่งจดหมายตอบไปว่าฝ่ายอ้วนเสี้ยวขาดแม่ทัพสองคน แลถึงจะมีทหารมากแต่ขาดความชำนาญให้รีบรุดเอาชัยเสีย โจโฉเห็นด้วย ต่อมาได้ข่าวว่าอ้วนเสี้ยวกำลังลำเลียงเสบียงมายัง ณ กัวต๋อจึงส่งคนไปตีเผาเสบียงเสีย กองทัพอ้วนเสี้ยวจึงขาดแคลนเสบียงลงจึงเรียกเสบียงจากตำบลอัวเจ๋า แลที่เก็บเสบียงของอ้วนเสี้ยว ณ ตำบลกัวเจ๋านี้ มีอิเขงดูแลอยู่ แลอิเขงนั้นเสพสุราทุกวันมิได้ขาดไม่สนใจการดูแลเสบียง อยู่มาเขาฮิวที่ปรึกษาอ้วนเสี้ยวน้อยใจหนีออกไปสวามิภักดิ์ต่อโจโฉ เขาฮิวกับโจโฉนี้เป็นเพื่อนกันมาก่อน โจโฉจึงออกรับขับสู้อย่างดี เขาฮิวเสนอแผนการปล้นเผาเสบียง ณ ตำบลกัวเจ๋าตัดกำลังเสบียงอ้วนเสี้ยวเสีย โจโฉจึงแต่งทหารปลอมเป็นทหารอ้วนเสี้ยวลอบตีอัวเจ๋าแล้วเข้าโจมตีจุดไฟเผาทันที เผายุ้งฉางเสบียงได้หมด อ้วนเสี้ยวรู้ดังนั้นจึงตกใจสั่งเตียวคับ โกลำออกลอบตีค่ายโจโฉแทน โจหอง แฮหัวตุ้น แฮหัวเอี๋ยน โจหยิน ลิเตียนออกรบเป็นสามารถ เตียวคับ โกลำสู้ไม่ได้ถอยร่นลงมา

ขณะนั้นกัวเต๋าที่ปรึกษาอ้วนเสี้ยวเกรงว่าแผนที่ให้เตียวคับ โกลำไปตีค่ายโจโฉมิสำเร็จคิดให้ร้ายแก่เตียวคับ โกลำ เตียวคับ โกลำรู้ดังนั้นจึงคิดว่าถ้ากลับไปตัวต้องตายแน่ จึงเข้าสวามิภักดิ์ด้วยโจโฉ ทหารอ้วนเสี้ยวรู้ว่าเตียวคับ โกลำไปอยู่ด้วยโจโฉก็เกิดความระส่ำระสาย โจโฉเห็นได้ทีจึงออกปล้นค่ายอ้วนเสี้ยวตอนดึก ทั้งแบ่งทหารออกเป็นแปดกอง เข้าโจมตีค่ายอ้วนเสี้ยว ทหารอ้วนเสี้ยวมิมีใจจะรบ ทหารโจโฉจึงฆ่าฟันทหารอ้วนเสี้ยวล้มตายเป็นอันมาก อ้วนเสี้ยวเห็นดังนั้นก็ตกใจตัวรีบหนีข้ามแม่น้ำฮองโหไป ค่ายอ้วนเสี้ยวจึงแตกพ่ายไป แลโจโฉเกลี้ยกล่อมได้ทหารอ้วนเสี้ยวทั้งเก็บทรัพย์สินสิ่งของเป็นจำนวนมาก ดุลอำนาจหัวเมืองตะวันออกของโจโฉ กับอ้วนเสี้ยวจึงเปลี่ยนไปเมื่อโจโฉได้เป็นฝ่ายกำชัยชนะ

ตอนที่ 28: เล่าปี่ขออาศัยเล่าเปียว
ฝ่ายอ้วนเสี้ยวเมื่อแตกไปกลับมารวบรวมทหารกลับไปเมืองกิจิ๋วสติฟั่นเฟือนไป พอดีอ้วนถัน อ้วนฮีผู้บุตร โกกันผู้หลานคุมทัพมาช่วย อ้วนเสี้ยวมีความยินดีนำทหารสิบหมื่นเศษออกรบโจโฉอีกไป ตั้งมั่น ณ ตำบลซองเต๋ง โจโฉยกทัพตามออกไปพบทัพอ้วนเสี้ยวจึงรบกันเป็นสามารถ อ้วนเสี้ยวสู้มิได้หลบหนีกลับเข้าเมืองอีก แลตัวนั้นป่วยมิออกว่าราชการให้อ้วนซงผู้บุตรออกว่าราชการแทน

ฝ่ายเล่าปี่นำทหารห้าหมื่นยกทัพมาจะตลบตีฮูโต๋ โจโฉจึงออกรบพุ่งด้วยเล่าปี่แลตั้งค่ายมั่นไว้หลอกเล่าปี่ แล้วแบ่งกำลังไปตีเสบียงเล่าปี่ แลตีเมืองยีหลำ เล่าปี่รู้ดังนั้นก็ตกใจให้เตียวหุยไปช่วยแก้เสบียง กวนอูไปช่วยครอบครัว ณ เมืองยีหลำ แล้วเตรียมถอยค่ายเสีย ฝ่ายโจโฉให้คนมาดักรอ เล่าปี่กับจูล่งจึงช่วยกันรบเป็นสามารถ เล่าปี่เห็นจวนตัวจึงหนีออกมาตัวคนเดียวพบเตียวคับมาสกัดอยู่ เล่าปี่คิดท้อใจฆ่าตัวตาย พอดีจูล่งนำทหารเข้ามาช่วยแก้ไปได้ กวนอูก็พาเตียวหุยกลับมาหาเล่าปี่แล้วหนีมา คิดไปเข้าอาศัยด้วยเล่าเปียว เจ้าเมืองเกงจิ๋ว ฝ่ายเล่าเปียวมีใจยินดีรับไว้ ฝ่ายโจโฉก็ยกทัพกลับไปเมือง

ตอนที่ 29: อ้วนเสี้ยวตาย
ขณะนั้นพระเจ้าเหี้ยนเต้เสด็จมาอยู่ ณ ฮูโต๋ได้แปดปี อ้วนเสี้ยวตั้งมั่นอยู่ที่เมืองกิจิ๋ว โจโฉจึงนำกำลัง ออกตีอ้วนเสี้ยวอีกครั้ง อ้วนซงผู้บุตรอาสาออกตีโจโฉแต่กลับพ่ายแพ้กลับมา อ้วนเสี้ยวรู้ดังนั้นเป็นกังวล โรคป่วยเก่าจึงกำเริบขึ้นมาเจรจาไม่ออก ว่าให้อ้วนซงปกครองเมืองต่อแลพอลมปะทะเข้ามาก็ขาดใจตาย ต่อมาอ้วนซงผู้น้องอ้วนถำจึงขึ้นครองเมืองกิจิ๋วแทนบิดา ฝ่ายอ้วนถำผู้พี่คิดน้อยใจด้วยเป็นบุตรคนโต จึงคิดแย่งชิงอำนาจจากอ้วนซง พอดีโจโฉยกทัพเข้ามาอ้วนถำจึงเข้ารบด้วย อ้วนซง อ้วนฮี โกกัน จึงเข้าช่วยรบโจโฉ โจโฉแบ่งกองกำลังตีพร้อมกันทั้งสี่ค่าย ฝ่ายอ้วนถำ อ้วนซง อ้วนฮี โกกันสู้มิได้จึงถอยร่นมา โจโฉคิดตีตาม กุยแกที่ปรึกษาจึงว่าหากตีตามบุตรอ้วนเสี้ยวทั้งสามจะสมัครสามัคคีกัน ควรที่จะกลับเมือง รอดูให้บุตรทั้งสามแก่งแย่งชิงเมืองกันเอาเองจึงจะรบได้โดยง่าย โจโฉเห็นชอบด้วย

ตอนที่ 30 โจโฉปราบปรามหัวเมืองฝ่ายตะวันออก
ต่อมาอ้วนถำ อ้วนซงจึงรบแก่งแย่งชิงดีกันเป็นสามารถ อ้วนถำสู้มิได้ขอเข้าอยู่ด้วยโจโฉ โจโฉเห็นได้ที จึงยกทัพขึ้นเหนือมาลอบตีค่ายอ้วนซงแตก ตีได้เมืองกีจิ๋ว อ้วนถำกลับเข้ารบด้วยโจโฉกลับถูกโจหองแทงตกม้าตาย โจโฉจึงยกไปตีโกกันต่อ อ๋องต๋ำทหารโกกันลอบฆ่าโกกันเสียตัดศีรษะไปให้โจโฉ โจโฉมีความยินดีจึงล่วงไปตีอ้วนซง อ้วนฮีแลกุยแกนั้นป่วยหนักนอนมาบนเกวียน โจโฉจึงล่วงไปตีหัวเมืองฝ่ายตะวันตกก่อน ครั้นพอกลับมารู้ว่ากุยแกตายแล้ว ก็ร้องไห้รักเป็นมากว่ากุยแกอายุน้อยกว่าอีกหน่อยจะฝากฝังบ้านเมืองให้ดูแลแลมาตายนี้มิควรเลย อุปมาเหมือนเทพดามาทำลายชีวิตเราเสียแล้วจุดเทียนเซ่นศพกุยแกร้องไห้รัก
แลก่อนตายนั้นกุยแกแต่งหนังสือเสนอมิให้ตามอ้วนซง อ้วนฮีที่ไปอาศัยอยู่กับกองซุนของ กองซุนของคอยท่าโจโฉเกรงว่าจะรบมาตีจึงเลี้ยงดูอ้วนซง อ้วนฮีไว้เป็นทหาร พอเห็นว่าโจโฉมิได้ตามตีจึงฆ่าอ้วนซง อ้วนฮีตัดศีรษะไปให้โจโฉเอาความชอบ โจโฉจึงปราบปรามหัวเมืองฝ่ายตะวันออกราบคาบแต่นั้นมาแล้วยกทัพกลับฮูโต๋
ต่อมาโจโฉพบนกยูงทองแดงเปล่งประกายอยู่ โจโฉจึงเกณฑ์ชาวเมืองก่อสร้างปราสาทสูงใหญ่ริมแม่น้ำเจียงโห เอานกยูงไว้บนปราสาท หนึ่งปีจึงเสร็จสิ้น ให้ชื่อว่าปราสาทนกยูงสัมฤทธ์ กะเกณท์ได้ทหารอ้วนเสี้ยว มาห้าสิบหมื่นแลทหารเอกเป็นจำนวนมากบำรุงทแกล้วทหารอยู่
ตอนที่ 31: สมภพอาเต๊า
ฝ่ายเล่าปี่ครั้นมาอยู่กับเล่าเปียวเวลาล่วงมานาน นางกำฮูหยินภรรยาเล่าปี่ได้ให้กำเนิดบุตรชาย ให้ชื่อว่าอาเต๊าแลเล่าเปียวให้เล่าปี่ไปอยู่ ณ เมืองซินเอี๋ย แต่ตัวเล่าเปียวยังเรียกเล่าปี่มาปรึกษาราชการอยู่เนืองๆ อยู่มาเล่าเปียวเชิญเล่าปี่มาปรึกษาเรื่องการยกตำแหน่งเจ้าเมืองเกงจื๋วให้บุตรทั้งสอง เล่าปี่เสนอให้ยกให้เล่ากี๋ด้วยว่าเป็นบุตรคนโต ชัวฮูหยินกับชัวมอผู้ซึ่งคิดให้เล่าจ๋องขึ้นครองอำนาจคิดแค้นเล่าปี่เป็นอันมาก จึงคิดแผนเชิญเล่าปี่เป็นเจ้าภาพแทนเล่าเปียวรับคำนับหัวเมืองในวันปีใหม่พยายามลอบฆ่าแต่มิสำเร็จ เล่าปี่หนีออกทางประตูเมืองทางด้านตะวันตกแลพลัดหลงมิรู้ไปทางใดหนีมาถึงแดนเมืองลำเจี๋ยง

ตอนที่ 32: เล่าปี่ได้ชีซีเป็นที่ปรึกษา
เล่าปี่หนีมาพอเวลาเพลาพบเด็กเลี้ยงควายทักว่าเล่าปี่ เล่าปี่นึกสงสัยว่ารู้จักได้อย่างไร เด็กเลี้ยงควายจึงพาไปพบอาจารย์สุมาเต็กโช ครั้นสนทนากัน สุมาเต็กโชว่าผู้มีสติปัญญามิสู้ไกลนัก อันฮกหลงกับฮองซูหากได้มาแต่ผู้หนึ่งก็สามารถครองแผ่นดินได้ เล่าปี่ได้ครุ่นคิดนัก รุ่งเช้าจูล่งเที่ยวตามหาจนพบ เล่าปี่จึงคำนับสุมาเต็กโชลาออกมา พบชีซีเดินทำเพลงด้วยถ้อยคำแยบคาย เล่าปี่กริ่งใจว่าเป็นผู้มีสติปัญญา จึงเข้าสนทนาด้วยรู้ว่าเป็นชีซีจึงเชื้อเชิญเข้ามาทำการด้วยให้คุมบังคับบัญชาทหารทั้งปวง อยู่มาโจหยิน ลิเตียนซึ่งอยู่ ณ เมืองห้วนเสียรู้ว่าเล่าปี่อยู่ที่เมืองซินเอี๋ยจึงเข้ารบด้วย ชีซีเสนอแผนการให้จูล่งเข้าแก้กระบวนพยุหะแปดกุญแจทองของโจหยินแลให้กวนอูอ้อมเข้าตีเมืองห้วนเสีย โจหยิน ลิเตียนสู้มิได้จึงถอยหนีไปเมืองฮูโต๋ ครั้นเล่าปี่ได้เมืองห้วนเสียแล้วได้เล่าฮองเป็นบุตรบุญธรรม ให้จูล่งอยู่รักษาเมือง ตัวเล่าปี่ ชีซี กวนอู เตียวหุย กลับไปเมืองซินเอี๋ย

ตอนที่ 33: เล่าปี่เยือนกระท่อมโงลังกั๋ง
ฝ่ายโจหยินหนีไปพบโจโฉ รู้ว่าเล่าปี่ได้ชีซีเป็นที่ปรึกษาคิดดึงตัวมาอยู่ด้วยมิให้เล่าปี่คิดการกำเริบ จึงเชิญมารดาชีซีมาเลี้ยงดูแล้วส่งจดหมายปลอมเป็นว่าให้เรียกตัวชีซีมาอยู่ด้วยโจโฉ ด้วยชีซีเป็นคนกตัญญูจึงมิได้รู้เท่าทันจึงลาเล่าปี่ไปอยู่ ณ ฮูโต๋ แลก่อนไปนั้นเล่าปี่ร้องไห้รักเป็นอันมาก ชีซีจึงว่าใกล้ๆนี้มีผู้มีสติปัญญาอยู่ด้วยชื่อว่าฮกหลงหรือว่าขงเบ้ง เล่าปี่มีใจยินดีเป็นอันมาก ชีซีจึงลาไปแล้วรู้ว่าแม่ฆ่าตัวตายเนื่องจากตัวหลงเบาปัญญาซึ่งโจโฉ ต่อมาชีซีจึงมิมีใจอยู่ด้วยโจโฉโดยสุจริต

ฝ่ายเล่าปี่จึงพากวนอู เตียวหุย ไปเขาโงลังกั๋งเพื่อคำนับขงเบ้งครั้งแรกมิเจอพบแต่เพื่อนขงเบ้ง ต่อมาเล่าปี่รู้ข่าวว่าขงเบ้งกลับมาแล้วจึงไปเยือนอีกครั้งก็มิพบแต่ให้เขียนจดหมายคำนับฝากไว้เพียงพบเพื่อนขงเบ้งคุยกัน ณ ร้านสุราเล่าปี่สำคัญผิดจึงเข้าไปคำนับ ครั้นรู้ว่ามิใช่จึงละอายยิ่งนัก อยู่มาฤดูหนาวเล่าปี่จัดแจงไปคำนับอีกครั้งจึงพบ ขงเบ้งนอนอยู่จึงมิอาจปลุก ขงเบ้งแสร้งนอนถึงตะวันคล้อย จึงตื่นเข้าสนทนาด้วยเล่าปี่ทั้งบิดพริ้วอยู่ ขงเบ้งแจงให้เห็นว่า กำลังแผ่นดินจีนจะแบ่งออกเป็นสามก๊ก เล่าปี่ได้ฟังอย่างนั้นนึกเลื่อมใสแลว่าอย่าบิดพริ้วอยู่เลยไปทำราชการด้วยกันเถอด ขงเบ้งจึงปลงใจอยู่ด้วย จัดแจงร่ำลาจูกัดกิ๋นผู้น้องแล้วไปอยู่ด้วยเล่าปี่ ณ เมืองซินเอี๋ย เล่าปี่จึงให้เป็นที่ปรึกษากิจการทั้งปวง

ตอนที่ 34: ซุนกวนคิดตีเล่าเปียว
อยู่มาฝ่ายซุนกวนเกลี้ยกล่อมผู้มีสติปัญญาเป็นอันมาก ซุนเซียงผู้น้องกับงอฮูหยินผู้เป็นมารดาถึงแก่ความตาย ซุนกวนจึงให้แต่งการศพไว้ แลได้ข่าวว่ากำเหลงหนีออกจากเล่าเปียวกับหองจอเข้ามาอยู่ด้วย ซุนกวนจึงรับไว้ กำเหลงเสนอให้ซุนกวนออกตีหองจอเจ้าเมืองกังแฮ กำเหลงอาสาออกตีด้วย เอาเกาทัณฑ์ยิงไปถูกหองจอตกม้าตาย แลซุนกวนจึงเอาศีรษะหองจอมาเซ่นไหว้บิดา ด้วยแต่ก่อนหองจอเป็นคนฆ่าซุนเกี๋ยนผู้บิดา ตอนรวมหัวเมืองเข้าสู้ตั๋งโต๊ะแล้วซุนกวนก็เลิกทัพกลับเข้าเมืองกังตั๋งด้วยเกรงเล่าเปียวจะวางกำลังไว้แน่นหนา

ตอนที่ 35: เผาทุ่งพกบ๋อง
ฝ่ายเล่าเปียวคิดใช้ให้เล่าปี่ไปตีเมืองกังตั๋งหวังแก้แค้น ขงเบ้งคิดอ่านให้บ่ายเบี่ยงก่อน แลเล่าเปียวจะยกเมืองให้เล่าปี่ เล่าปี่ก็มิอาจรับ อยู่มาเล่ากี๋ผู้บุตรเล่าเปียวเข้าขอคำปรึกษาขงเบ้ง เรื่องกลัวอันตรายจากชัวฮูหยินกับชัวมอ ขงเบ้งจึงแนะนำให้เล่ากี๋ไปอยู่ ณ เมืองกังแฮ ฝ่ายโจโฉได้สุมาอี้เป็นที่ปรึกษาคิดกำเริบหวังตีหัวเมืองชายทะเลสิ้น ส่งแฮหัวตุ้นกับทหารสิบหมื่นออกตีเล่าปี่ ณ เมืองซินเอี๋ย เล่าปี่กองกำลังน้อยกว่าขงเบ้งจึงให้ตั้งค่ายซุ่ม ณ ทุ่งพกบ๋องแลแฮหัวตุ้นประมาทมิฟังคำทัดทานของลิเตียน จึงถูกลอบวางเพลิงเสีย ทหารแฮหัวตุ้นวิ่งหนีแตกตื่นเหยียบตายกันเป็นอลหม่านบ้างหนีไม่ทันตายในเพลิงเป็นอันมาก ด้วยสองข้างทางเต็มไปด้วยป่าแขมไฟจึงลามไปทั่วกองทัพ ศพดาษดังขอนไม้ โลหิตแดงไปทั้งป่า ทหารสิบหมื่นตายสิ้น แฮหัวตุ้นเสียทีดังนั้นจึงทิ้งทหารหนีกลับเมืองฮูโต๋ แลฝีมือของขงเบ้งแสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แต่นั้นมา เตียวหุย กวนอูกับนายทหารอื่นจึงเลื่อมใสขงเบ้งยิ่งนัก

ตอนที่ 36: โจโฉยาตราทัพลงใต้
ฝ่ายเล่าเปียวป่วยหนักใกล้ตายเรียกเล่ากี๋เข้าพบแต่ถูกชัวมอห้ามไว้เล่ากี๋มิรู้ทำอย่างไร จึงจำใจกลับไปเมืองกังแฮ อยู่มาเล่าเปียวโรคป่วยกำเริบจึงถึงแก่ความตาย จึงให้แต่งการศพตามประเพณี แล้วชัวมอก็ตั้งให้เล่าจ๋องเป็นเจ้าเมืองแทนบิดาต่อไป อยู่มาโจโฉกะเกณท์ทหารเข้าถึงห้าสิบหมื่นยกลงใต้หวังตีแผ่นดินให้ราบคาบ เล่าจ๋องรู้ดังนั้นจึงตกใจ คิดอ่านยกเมืองเกงจิ๋วให้โจโฉ โจโฉแจ้งดังนั้นก็มีความยินดี ฝ่ายเล่าปี่รู้ว่าเล่าเปียวตายแล้วจึงร้องไห้จนสลบ แล้วขงเบ้งคิดอ่านให้เล่าปี่ย้ายจากเมืองซินเอี๋ย ไปเมืองอ้วนเซีย เพื่อคิดอ่านป้องกันโจโฉแลเล่าปี่จึงชักชวนราษฎรประชาราษฎร์ให้ติดตามไปด้วย ฝ่ายโจหยิน เคาทูยกทัพเป็นกองหน้าเข้าเห็นเมืองซินเอี๋ยว่างอยู่จึงเข้าไปพัก ถูกกลขงเบ้งให้จูล่งเข้าเผาเมือง ทหารโจหยินเหยียบหนีตายกันอลหม่านหนีมาถึงริมฝั่งแม่น้ำ ถูกกวนอูซุ่มให้ทหารพังทำนบน้ำไหลบ่าลงมา ทหารโจหยินจมน้ำตายเป็นอันมาก เตียวหุยเข้าสกัดไว้อีกทัพโจหยินแตกหนีมิมีใจจะรบจึงหนีมาเข้ารวมกับโจโฉ

โจโฉรู้ดังนั้นก็โกรธให้ชีซีไปเกลี้ยกล่อมเล่าปี่ ณ เมืองอ้วนเซีย เล่าปี่มิยอมโจโฉจึงยาตราทัพ ไปเมืองอ้วนเซียหวังล้างเล่าปี่ให้สิ้น แลขงเบ้งเห็นว่าถ้าตั้งอยู่ที่เมืองอ้วนเสียนั้นมิได้จึงโยกย้ายไปเมืองซงหยง ราษฎรแลอาณาประชาราษฎร์ขอติดตามเล่าปี่ไปด้วย ชาวเมืองทั้งปวงก็ทิ้งบ้านเมืองเสียอพยพร้องไห้ตามเล่าปี่ เสียงนั้นอื้ออึงไป แลเล่าปี่ไปถึงเมืองซงหยงนั้นเข้าไม่ได้จึงไปยังเมืองกังเหลง ฝ่ายโจโฉติดตามมาถึงเมืองอ้วนเซียใกล้จะทันอยู่แล้ว ขงเบ้งจึงให้กวนอูไปขอทหารจากเล่ากี๋ ณ เมืองกังแฮ ให้จูล่งคุมครอบครัว ตัวเล่าปี่ เตียวหุยคุมทหารไปป้องกันอยู่หลังทัพ แลเดินทางได้แต่วันละร้อยเส้น

ตอนที่ 37: จูล่งฝ่าทัพรับอาเต๊า
ครั้นโจโฉยกทัพมาถึงเมืองซงหยง เล่าจ๋องจึงออกมาคำนับ โจโฉจึงให้เล่าจ๋องไปอยู่เมืองเฉงจิ๋ว ให้ชัวมอ เตียวอุ๋นเป็นนายกองทัพเรือฝึกทหารทั้งปวง แล้วโจโฉจึงส่งอิกึ๋มไปฆ่าเล่าจ๋องกับชัวฮูหยินเสียระหว่างทาง ครั้นบำรุงไพร่พลทหารเสร็จแล้วจึงยกกองทัพหลวงต่อไปยัง ณ เมืองกังเหลง ฝ่ายเล่าปี่เร่งเดินทางอยู่ ขงเบ้งจึงออกไปตามกวนอู ณ เมืองกังแฮอีกคน ครั้นประมาณสามยามเล่าปี่ได้ยินเสียงโห่ร้องอื้ออึงมา เล่าปี่ก็ตกใจยกทหารสองพันเข้ารบด้วยโจโฉเป็นสามารถ เตียวหุยเห็นดังนั้นก็เข้าช่วยหักไปช่วยเล่าปี่ ทหารโจโฉจึงรุกไล่ฆ่าฟันอาณาประชาราษฎร์หลบหนีวุ่นวาย การโกลาหลยิ่งนัก ครอบครัวเล่าปี่ถูกทหารไล่มาก็พลัดพรากกระจายไปกับชาวบ้าน เล่าปี่กับเตียวหุยก็ช่วยต้านทานเป็นสามารถ แต่มิอาจสู้ได้เหลือทหารแต่ร้อยหนึ่ง แลครอบครัวราษฎรบาดเจ็บล้มตายยิ่งนัก

เล่าปี่กับเตียวหุยหลบหนีผ่านสะพานเตียงปันเกี้ยวไป ตัวเตียวหุยก็วกกลับเข้ามายืนขี่ม้าถือทวนสกัด แต่เพียงผู้เดียว ทหารโจโฉสำคัญเป็นเตียวหุยก็เกิดกลัวไม่กล้าเข้าใกล้ ฝ่ายจูล่งซึ่งเล่าปี่ให้คุมครอบครัวตัวอยู่นั้น ตะลุมบอนอยู่ในทัพโจโฉ ตีตลบกลับแล้วตีหักไปอีก ตามหาตัวอาเต๊าบุตรเล่าปี่แลกำฮูหยิน บิฮูหยินภรรยาเล่าปี่ก็มิพบ จนรุ่งสว่างจึงหักเข้าไปควานหาอีก พบชาวบ้านต้องอาวุธบาดเจ็บเป็นอันมาก แลเสียงร้องไห้อื้ออึงคะนึงไป พบนางกำฮูหยิน จึงพาออกมาถึงต้นสะพานแล้ววกกลับเข้าไปหาอีกเป็นหลายตลบ พบบิฮูหยินบาดเจ็บอุ้มอาเต๊าอยู่ จูล่งรีบเข้าไปแล้วชวนให้รีบหนี ฝ่ายนางบิฮูหยินรู้ว่าตัวบาดเจ็บจะเป็นตัวถ่วงจึงรั้นมิไป ฝากอาเต๊าให้จูล่ง แล้วตัวก็รีบกระโจนลงในบ่อที่อยู่ข้างๆตกลงไปตาย จูล่งเห็นดังนั้นจึงร้องไห้แลกลบปากบ่อเสียหวังมิให้ทหารโจโฉพบ แล้วถอดเกราะเอาอาเต๊าไว้ข้างใน รบฝ่าหนีทหารโจโฉออกมาแต่เพียงผู้เดียว ฝ่ายทหารโจโฉเข้าล้อมสกัดเป็นอันมาก จูล่งก็รบฝ่าออกมารบพุ่งกันอลหม่านฆ่าทหารเอกแลทหารเลวโจโฉมากมาย โลหิตนั้นติดกายแลเกราะเป็นอันมาก จูล่งก็ขับม้ารีบหนีไปถึงสะพานเตียงปันเกี้ยว ตัวจูล่งแลม้าที่ขี่ก็อ่อนแรงลง เตียวหุยจึงว่าเจ้ารีบขับม้าพาบุตรไปให้เล่าปี่เถิด จูล่งก็ขับฝ่าไป เตียวหุยเข้าสกัดแลเห็นสัปทนกั้นมาข้างหลังก็รู้ว่าโจโฉทัพหลวงมาถึงเอง จึงร้องตวาดด้วยเสียงอันดัง ทหารโจโฉก็กลัวมิกล้าเข้าใกล้ทั้งเกรงในกลขงเบ้ง แล้วเตียวหุยก็ให้ชักกระดานสะพานเสียพาทหารกลับมาหาเล่าปี่ แลโจโฉสำคัญในกลจึงให้ทำสะพานแล้วยกทหารตามไป

ฝ่ายเล่าปี่เห็นผงคลีฟุ้งตลบอยู่ แลเสียงโห่ร้องอื้ออึงคนึง ก็สำคัญว่าโจโฉยกทัพมาถึงตัวแล้ว แลมิรู้จะหนีไปทางใด พอดีกวนอู เล่ากี๋ยกทหารข้ามเรือมาช่วยพอดีเข้าช่วยสกัดรบพุ่งทหารโจโฉ เล่าปี่เห็นดังนั้นก็มีความยินดียิ่งนัก ขงเบ้งจึงให้กวนอูไปอยู่เมืองแฮเค้า ตัวเล่าปี่ ขงเบ้งไปอยู่กับเล่ากี๋ ณ เมืองกังแฮ ฝ่ายโจโฉนึกสำคัญว่ากลขงเบ้งจึงมิอาจไล่ตีตามด้วยเกรงอยู่ แล้วไปอยู่ ณ เมืองเกงจิ๋ว สะสมพลทหารลือว่าได้ร้อยหมื่น

ตอนที่ 38: ขงเบ้งเจรจากับที่ปรึกษาซุนกวน
ฝ่ายซุนกวนรู้ว่าโจโฉยกมาเป็นการเอิกเริกยิ่งนัก จึงให้โลซกไปสืบราชการ ณ เมืองเกงจิ๋ว ครั้นโลซกมาถึงก็เข้าแวะเยี่ยมเล่าปี่ ขงเบ้ง จึงได้สนทนากัน ฝ่ายขงเบ้งคิดยุให้โจโฉกับซุนกวนผิดใจกัน จึงลาเล่าปี่ไปเข้าพบซุนกวน ณ เมืองกังตั๋ง ครั้นมาถึงเมืองกังตั๋งโลซกก็จัดหาที่อยู่ให้ขงเบ้ง แล้วตัวโลซกเข้าพบซุนกวน พบที่ปรึกษาแลนายทหารทั้งปวงเกี่ยงกันเป็นสามารถด้วยฝ่ายหนึ่งให้เข้าอ่อนน้อมด้วยโจโฉ อีกฝ่ายให้เข้าสู้รบเป็นสามารถ ฝ่ายซุนกวนด้วยเป็นคนเรรวนมิรู้จะทำประการใดจึงนิ่งอยู่ พอดีโลซกว่าขงเบ้งมา ณ เมืองกังตั๋ง ซุนกวนมีความยินดีจึงเชิญขงเบ้งเข้ามา ครั้นขงเบ้งเข้ามาพบที่ปรึกษาซุนกวนหลายคน จึงเข้าสนทนาอยู่ ฝ่ายเตียวเจียว ยีหวน โปเจ๋า ซีหอง ลกเจ๊ก เหยียมจุ้น เทียตก ผู้สนับสนุนให้ซุนกวนเข้าอ่อนน้อมด้วยโจโฉ ปะทะคารมกับขงเบ้งเป็นอันมาก แลแต่ละคนมิสู้ปากขงเบ้งก็เลยนิ่งอยู่ ครั้นอุยกายพาขงเบ้งเข้าพบซุนกวน ขงเบ้งก็เข้ายุแหย่ซุนกวนให้สู้ด้วยโจโฉ ซุนกวนก็ยังเรรวนอยู่มิรู้ทำประการใด ด้วยฝ่ายขุนนางเข้าด้วยเตียวเจียวให้เข้าอ่อนน้อมแก่โจโฉ แลฝ่ายทหารเข้าด้วยโลซกแลขงเบ้งให้รบด้วยโจโฉ จึงมิรู้ทำประการใด

ตอนที่ 39: ซุนกวนตัดสินใจรบด้วยโจโฉ
ซุนกวนก็มีความวิตกนัก พอดีนางงอก๊กไถ่ผู้เป็นแม่น้าจึงว่า ตอนที่ผู้พี่เจ้าตายการข้างในให้ปรึกษาเตียวเจียว การข้างนอกให้ปรึกษาจิวยี่ ซุนกวนก็เพิ่งรำลึกถึงจิวยี่ได้ก็มีความยินดีจึงเรียกจิวยี่เข้าไปพบเพื่อปรึกษา ฝ่ายจิวยี่เข้าพบขงเบ้งแลโลซก จิวยี่จึงว่าให้อ่อนน้อมด้วยโจโฉ ฝ่ายขงเบ้งจึงเข้ายุแหย่จิวยี่ให้สู้รบ โดยอ้างว่าโจโฉมากังตั๋งต้องการสองนางไปบำเรอ ชื่อว่า นางเสียวเกี้ยว กับนางไต้เกี้ยว จิวยี่ได้ฟังดังนั้นก็โกรธด้วยว่านางเสียวเกี้ยวเป็นภรรยาของตัวอยู่นั่นเอง แล้วเข้าพบซุนกวนเพื่อเสนอให้เข้าสู้โจโฉ ซุนกวนจึงตัดสินใจเด็ดขาดให้จิวยี่ถืออาญาสิทธิ์ทั้งปวงแล้วเข้ารบด้วยโจโฉ ฝ่ายจิวยี่เห็นขงเบ้งหลักแหลมรู้น้ำใจคนจึงว่านานไปจะเป็นศัตรูต้องรีบกำจัดเสีย ครั้นอยู่มาเล่าปี่รู้ข่าวว่าซุนกวนตัดสินใจตีโจโฉจึงจัดแจงพลทหารสิ้นไปตั้งอยู่ ณ เมืองแฮเค้า จิวยี่จึงแสร้งทำอุบายเชิญเล่าปี่มาปรึกษาราชการที่เมืองกังตั๋งหวังลอบฆ่าเสีย เล่าปี่จึงพากวนอูมาด้วย ทหารจิวยี่เห็นกวนอูจึงเกรงกลัวยิ่งนักมิอาจทำอันตรายเล่าปี่ได้ ฝ่ายขงเบ้งรู้ว่าเล่าปี่มายังกังตั๋งจึงเข้าพบแล้วว่า เดือนอ้ายแรมห้าค่ำให้จูล่งมารับ ณ ริมฝั่งแม่น้ำ แล้วเล่าปี่ก็ลากลับไป ณ เมืองแฮเค้า

ตอนที่ 40: ขงเบ้งยืมเกาทัณฑ์
ฝ่ายชัวมอ เตียวอุ๋นจัดแจงฝึกทัพเรือให้กล้าแข็ง ด้วยทหารโจโฉเป็นชาวเหนือไม่ชำนาญทางเรือ จิวยี่รู้ดังนั้นก็คิดอุบายกำจัดชัวมอ เตียวอุ๋นเสีย พอดีเจียวก้านข้ามมายัง ณ กังตั๋งหวังเกลี้ยกล่อมจิวยี่เข้าด้วยโจโฉ จิวยี่เห็นได้ทีจึงทำทีเชิญเจียวก้านกินโต๊ะแล้วเผลอหลับไป ฝ่ายเจียวก้านนอนไม่หลับลุกขึ้นมา พบจดหมายที่ชัวมอ เตียวอุ๋นส่งมาให้จิวยี่ที่จิวยี่ปลอมไว้ สำคัญว่าจริงก็รีบแอบนำจดหมายกลับมาให้โจโฉ ฝ่ายโจโฉครั้นได้เปิดอ่านแล้ว มิรู้เท่าทันกลจิวยี่ จึงเรียกให้ชัวมอ เตียวอุ๋นไปประหารเสีย จิวยี่แจ้งดังนั้นในอุบายก็มีความยินดีสิ้นวิตก ฝ่ายขงเบ้งรู้เท่าทันกลจิวยี่ จิวยี่รู้ดังนั้นก็มีความริษยาขงเบ้งเป็นอันมาก คิดอุบายหาขงเบ้งเข้ามาแล้วว่าให้ช่วยทำเกาทัณฑ์สิบหมื่นดอกในสิบวัน ขงเบ้งรู้ดังนั้นก็แจ้งว่า จิวยี่ปราถนาจะหาความผิดใส่ตัวเสียจะได้ฆ่าเสีย จึงออกปากเพียงว่าจะได้ลูกเกาทัณฑ์ในสามวันเท่านั้น จิวยี่จึงนึกว่าขงเบ้งหลงในอุบายตัวเข้าแล้ว

ฝ่ายขงเบ้งนิ่งเสียสองวันครั้นวันที่สามจึงชวนโลซกลงเรือ แล้วพาเรือเล็กยี่สิบลำ ไปยังทัพโจโฉตอนดึก เรือแต่ละลำนั้นเต็มไปด้วยหุ่นฟางมัดสีดำเป็นอันมาก ขณะนั้นหมอกลงจัดฝ่ายโจโฉเห็นเรือแล่นเข้ามา ก็สำคัญว่าเป็นเรือข้าศึกก็ระดมยิงเกาทัณฑ์เข้าใส่เรือเป็นอันมาก มิเห็นว่าทหารมากแลน้อย ครั้นลูกเกาทัณฑ์เต็มฝั่งขงเบ้งก็ให้กลับแคมรับอีกฝั่งนึง จนเรือแต่ละลำเต็มไปด้วยเกาทัณฑ์จึงยกกลับ ได้เกาทัณฑ์ติดฟางมาเป็นอันมากนับได้เกินสิบหมื่น จิวยี่เห็นดังนั้นก็ทอดใจใหญ่แล้วว่า ขงเบ้งมีสติปัญญาลึกซึ้งยิ่งนัก พอดีขงเบ้งเดินเข้ามา จิวยี่จึงว่าทัพโจโฉยกทัพมาขนาดนี้เห็นจะหักโหมเข้าไปก็จะขัดสน จึงว่าเรามีกลอุบายอยู่อันนึง ขงเบ้งจึงว่าให้เขียนกลอุบายลงฝ่ามือ ออกมาดูพร้อมกัน จิวยี่เห็นชอบ ครั้นเขียนเสร็จก็แบมืออกมาพบคำว่าเพลิงต้องกัน แล้วแต่ละคนก็หัวเราะ จิวยี่จึงว่าอย่าให้การนี้แพร่งพรายไป

ตอนที่ 41: ขงเบ้งเรียกลมตะวันออก
ฝ่ายจิวยี่วิตกอยู่ด้วยหาคนไปสอดแนมฝ่ายโจโฉ อุยกายเห็นดังนั้นจึงอาสาทำทีเป็นเข้าด้วยโจโฉ จิวยี่มีความยินดีนัก รุ่งเช้าจึงสั่งให้โบยอุยกายเสียทำทีให้เจ็บแค้น แล้วส่งงำเต๊กไปแต่งกลลวงโจโฉ โจโฉก็สำคัญเชื่อให้หาอุยกายเข้ามา ครั้นยังคลางแคลงใจอยู่ จึงหาผู้อาสาไปสอดแนมราชการที่เมืองกังตั๋ง ดูว่าเป็นจริงแลร้ายประการใด ฝ่ายเจียวก้านเห็นดังนั้นจึงว่าตัวขออาสาไปสอดแนมอีกครั้ง ด้วยขอแก้ตัวซึ่งครั้งก่อนซึ่งทำการพลาดไป โจโฉก็ยินยอมให้ไป ครั้นเจียวก้านมาถึงจิวยี่ก็ทำทีเป็นโกรธแล้วให้ไปคุมไว้ ณ วัดเชิงเขา ฝ่ายเจียวก้านมีความทุกข์ มิเป็นอันกินอันนอน พบบังทองเจียวก้านจึงเข้าไปคำนับแล้วว่าท่านนี้หรือคืออาจารย์ฮองซู มีความยินดีเป็นอันมากจึงเชิญไปพบโจโฉ ณ ค่ายโดยหารู้ไม่ว่าต้องกลอุบายจิวยี่เสียแล้ว

ครั้นเจียวก้านพาบังทองมายังค่าย โจโฉก็มีความยินดีนักแล้วพาบังทองไปชมทัพเรือ บังทองเห็นดังนั้นจึงแสร้งแนะนำให้ผูกเรือติดกันเข้าไว้ด้วยโซ่ตรวนเพื่อไม่ให้ทหารเมาคลื่นระส่ำระสาย ด้วยเรือธรรมดานั้นโคลงเคลงทหารโจโฉไม่สันทัดจึงอาจเมาได้ง่าย โจโฉมิทันคิดก็มีความยินดีนัก แล้วให้เร่งทำการตามบังทองบอก แล้วบังทองก็ลวงโจโฉว่าจะไปเกลี้ยกล่อมคน ณ เมืองกังตั๋งให้เข้าด้วยโจโฉ โจโฉมีความยินดีนักจึงให้ไป ฝ่ายเทียหยกจึงเข้าว่าให้เรือผูกติดกันฉะนี้หากข้าศึกใช้เพลิงเผาเสียก็จะมีอันตรายเป็นมั่นคง โจโฉได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะแล้วว่าฤดูนี้เป็นเทศกาลแจ้งเห็นแต่จะมีลมว่าวแต่ลมตะวันตกหากจิวยี่ใช้ เพลิงก็จะกลับเข้าไปเผาตัวเองเป็นมั่นคง

ฝ่ายจิวยี่แลเห็นปลายธงพัดมาจากต้นลม ณ ค่ายโจโฉก็สะดุ้งใจ จึงคิดว่าการที่คิดไว้เห็นจะไม่เป็นผล ด้วยลืมฉุกคิดถึงเรื่องลมเสีย ว่าแล้วก็อาเจียนโลหิตสลบลงกับที่แล้วก็ป่วยอยู่ ฝ่ายขงเบ้งรู้ดังนั้นก็เข้าพบจิวยี่รู้ว่า ณ เดือนอ้ายแรมห้าค่ำจะเกิดลมสลาตัน จึงแสร้งว่าสามารถทำพิธีเรียกลมสลาตันได้ จิวยี่รู้ดังนั้นมีความยินดีที่ป่วยอยู่ก็คลายลง ครั้น ณ เดือนอ้ายแรมสามค่ำขงเบ้งก็ทำพิธี จิวยี่จึงให้อุยกายจัดแจงกองทัพไว้ให้พร้อม รอลมมาจะยกทำการตีโจโฉทันที ถึงเวลาสองยามเศษได้ยินเสียงลมจากทิศอาคเนย์อื้ออึงมา จิวยี่จึงมีความยินดีเห็นคงเบ้งมีสติปัญญาเป็นอันมากจึงส่ง ชีเซ่ง เตงฮองไปฆ่าเสีย ฝ่ายขงเบ้งพอเรียกลมเสร็จแล้วก็หลบหนี ไปพบจูล่ง ณ ริมฝั่ง ฝ่ายชีเซ่ง เตงฮองตามไปก็อาจสู้จูล่งได้ ครั้นขงเบ้งมาถึงก็ให้เล่าปี่ไปรอดักซุ่มตีทางหนีโจโฉ

ตอนที่ 42: โจโฉแตกทัพเรือ
ฝ่ายโจโฉนั้นตั้งใจคอยฝั่งอุยกายอยู่ตลอดเวลา ครั้นถึงเวลาเห็นอุยกกายนำเรือเข้ามาใกล้ เทียหยกเห็นผิดสังเกตจึงว่าแก่โจโฉ โจโฉเห็นชอบด้วยจึงให้บุนเพ่งไปห้ามเรือเสียก่อน อุยกายเห็นได้ทีดังนั้นก็สั่งเรือเร่งเข้าไปจุดไฟขึ้น ครั้นลมสลาตันพัดหนักกล้า ทหารโจโฉก็เข้าดับเพลิงมิทัน เรือที่ผูกติดกันแก้ไม่ได้ก็ถูกเพลิงวอดสิ้นเพลิงลามติดเป็นหลายตำบล ทหารโจโฉก็วิ่งวุ่นวายไปการนั้นโกลาหลนัก ขณะนั้นทัพจิวยี่ จิวท่าย ชีเซ่ง เตงฮองมาถึงก็ตีหักเข้าไป ทหารจิวยี่เข้าไปถึงไหน เพลิงก็ลุกติดขึ้น แลทหารโจโฉหนีมิทันต้องอาวุธเจ็บปวดล้มตายเป็นอันมาก ที่หนีมิทันก็ตายในกองเพลิงบ้าง ตกน้ำตายบ้าง

ฝ่ายโจโฉเห็นดังนั้นก็ตกใจขี่ม้าหลบหนีไปทางตำบลฮัวหลิมพบลิบอง เล่งทองเข้าไล่ตีตามมา เตียวเลี้ยวกับซิหลงก็เข้าสู้เป็นสามารถมิได้แพ้ชนะกัน ซิหลงก็พาโจโฉหนีต่อ พบกำเหลงดักทางอยู่จึงหนีไปทางหับป๋า ครั้นหนีมาใกล้ตำบลฮัวหลิมพบจูล่งเข้าสกัดทางอยู่ เตียวคับ เตียวเลี้ยวก็เข้าช่วยป้องกันทางด้านหลัง แลทหารโจโฉทิ้งม้าแลศัสตราวุธเป็นอันมากแล้วโจโฉก็สั่งให้รีบหนีไป ครั้นมาถึงตำบลโฮเลาก๊ก ก็ให้หยุดหุงอาหารอยู่ยังมิทันสุกได้กิน เตียวหุยก็เข้าล้อมไว้ เคาทู เตียวเลี้ยว ซิหลง ก็เข้าป้องกันเป็นสามารถแล้วรีบหนีไป ทหารที่หนีมานั้นก็อิดโรยทั้งต้องอาวุธบาดเจ็บเป็นมากแลเห็นทางเข้าลำกุ๋น ก็หลงในกลขงเบ้ง เข้าไปทางน้อยแลทางนั้นแคบเดินลำบากนักโจโฉก็ให้เร่งให้เดินไป ครั้นพ้นซอกเขาโจโฉก็หัวเราะขึ้นแล้วว่า หากขงเบ้งให้คนมาซุ่มอยู่ตรงนี้เห็นตัวจะมิรอดแน่ครั้นขาดคำได้ยินเสียงประทัด กวนอูถือง้าวคุมสกัดทางไว้ โจโฉเห็นจวนตัวจะมิรอดทหารที่มาก็เหลือเพียงร้อยเศษ จึงวอนกวนอูให้ปล่อยตัวให้พ้นภัย กวนอูนึกถึงครั้งสมัยที่โจโฉเลี้ยงดูตนนึกสงสารจึงหลีกทางให้โจโฉไป ฝ่ายโจโฉหนีมาพบโจหยิน คิดยกกลับฮูโต๋ ให้โจหยินอยู่รักษาเมืองลำกุ๋น แฮหัวตุ้นรักษาเมืองซงหยง เตียวเลี้ยวรักษาเมืองหับป๋า แล้วโจโฉก็จัดแจงทหารยกกลับไปฮูโต๋ ฝ่ายจิวยี่ครั้นรบมีชัยจึงยกกองทัพไปตั้งอยู่ที่ตำบลลิมกั๋ง หวังจะคิดอ่านไปตีเมืองลำกุ๋น

ตอนที่ 43 จิวยี่ไปเอาเมืองซงหยง
ฝ่ายจิวยี่รู้ว่าเล่าปี่ไปตั้งอยู่ ณ ปากน้ำเมืองอิวกั๋ง แล้วก็สะดุ้งตกใจ รู้ว่าขงเบ้งเห็นทีจะตัดหน้า ชิงเอาเมืองลำกุ๋นเสียเป็นมั่นคง จึงเชิญเล่าปี่มากินโต๊ะแล้วว่าหากเราตีเมืองลำกุ๋นก็ให้ท่านยกตีเสียเถิด เล่าปี่จึงตกปากรับคำ จิวยี่จึงยกไปตีได้ด่านอิเหลงแลยกมาถึงเมืองลำกุ๋น ถูกกลโจหยินตีพ่าย แลตัวจิวยี่ถูกลูกเกาทัณฑ์อาบพิษที่ขาซ้าย ทหารเข้าาช่วยแก้ หมอจึงว่าให้ระงับความโกรธเสีย หากเมื่อใดมีความโกรธพิษเกาทัณฑ์จะกำเริบขึ้น ฝ่ายจิวยี่ทำอุบายว่าถูกพิษเกาทัณฑ์กลุ้มขึ้นถึงแก่ความตาย ฝ่ายโจหยินสำคัญว่าตายจริงก็เชื่อเข้าปล้นค่ายจิวยี่ ถูกจิวยี่ซ้อนกลให้ล้อมสี่ด้านกระหนาบเข้ามา ตัวโจหยินสู้มิได้จึงถอยเสีย ครั้นจะกลับเมืองก็มิได้ด้วยกำเหลง เล่งทองสกัดทางไว้ จึงหลบหนีไปยังเมืองซงหยง ฝ่ายจิวยี่จึงพาทหารจะเข้าไปเมืองลำกุ๋น
ตอนที่ 44 เล่าปี่ชิงเอาเมืองตัดหน้า
ครั้นถึงเมืองลำกุ๋นขงเบ้งก็ให้จูล่งมาชิงเมืองตัดหน้าเสีย จิวยี่มีความคับแค้นใจเป็นอันมาก ด้วยว่าทำสงครามเสียลี้พลแลเสบียง สิ่งของเงินทองเป็นอันมาก อันตัวเล่าปี่นั้นมิได้เสียเงินทองแลทหารเลย มาชุบมือเปิบเอาเมืองเห็นมิชอบ แล้วฉุกคิดว่าเมืองเกงจิ๋ว ซงหยงเกลือกขงเบ้งจะแย่งชิงตัดหน้าเสียอีกจึงรีบยกทัพไป ครั้นมาถึงรู้ว่าขงเบ้งแต่งอุบายให้กวนอู เตียวหุย ชิงสองเมืองนี้แล้ว คับแค้นใจเป็นมาก ปราถนาฆ่าขงเบ้งเสีย พิษเกาทัณฑ์กลุ้มขึ้นมาจนจิวยี่สลบลง คนทั้งปวงช่วยกันแก้ไข แล้วจิวยี่จึงเลิกทัพกลับไปเมืองฉสองกุ๋น ฝ่ายโลซกเข้าเจรจาด้วยเล่าปี่ ขงเบ้ง ขงเบ้งจึงอ้างว่าอันสามเมืองนี้เดิมขึ้นแก่เล่าเปียว ครั้นเราตีสามเมืองนี้ยกให้แก่เล่ากี๋นั้นตัวผิดด้วยหรือ โลซกจึงว่าหากเล่ากี๋ถึงแก่ความตายก็ให้ยกสามเมืองนี้คืนแก่กังตั๋ง ขงเบ้งก็รับคำ ฝ่ายเล่าปี่ใคร่ปราถนาที่จะครอบครองเมืองนี้ไว้เองจึงออกตีบุเหลง เมืองเตียงสา เมืองฮุยเอี๋ยง เมืองเลงเหลงอันเป็นหัวเมืองฝ่ายใต้เพื่อสะสมไพร่พลแลเสบียงเป็นกำลังต่อไป ได้ฮองตงแลอุยเอี๋ยนเป็นทหารเอก
ตอนที่ 45 เล่าปี่แต่งซุนฮูหยิน
ฝ่ายซุนกวนได้รบกับเตียวเลี้ยว ณ เมืองหับป๋ามาช้านานกว่าสิบครั้งก็ยังไม่แพ้ชนะกัน ไทสูจู้เสนออุบายตีค่ายเตียวเลี้ยว เตียวเลี้ยวรู้ทันซ้อนกลไทสูจู้ได้ ตัวไทสู้จู้ถูกเกาทัณฑ์เจ็บปวดเป็นหลายแห่งเห็นจะมิรอด ซุนกวนจึงคิดวิตกนักยกทัพกลับมาเมืองลำซี ครั้นยกกลับมาไทสูจู้ก็ถึงแก่ความตาย ซุนกวนก็สงสารอยู่มิได้ขาด อยู่มาเล่ากี๋ป่วยตายโลซกจึงเดินทางมาหาเล่าปี่ทวงเมืองเกงจิ๋วคืน ขงเบ้งจึงทำโกรธว่า หากการรบครั้งนี้ไม่มีเล่าปี่แลเราการก็คงมิสำเร็จ โลซกได้ฟังดังนั้นก็นิ่งอยู่ แล้วขงเบ้งจึงว่าหากเราไปรบตีเมืองเสฉวน ซึ่งขึ้นแก่เล่าเจี้ยงได้ก่อนจึงคืนเมืองให้ โลซกได้ยินดังนั้นก็คำนับออกมา
ฝ่ายโลซกกลับมาบอกจิวยี่ จิวยี่จึงโกรธแล้วว่าตัวนั้นนี้ซื่อนักที่ไหนจะได้เมืองกลับมา อยู่มาจิวยี่รู้ข่าวว่ากำฮูหยินภรรยาเล่าปี่อีกคนตายเสียแล้ว จึงคิดอ่านทำอุบายเข้าว่าแก่ซุนกวนให้ยกน้องสาวแก่เล่าปี่ ล่อลวงเล่าปี่มาจับไว้ ซุนกวนเห็นชอบด้วย การนั้นเป็นความลับอยู่ ฝ่ายขงเบ้งรู้ทันในอุบายจึงซ้อนกลให้เล่าปี่ไปด้วยจูล่ง ครั้นพอถึง จูล่งก็ให้ปล่อยข่าวไปทั่วเมือง การรู้ข่าวถึงนางงอก๊กไถ่ผู้เป็นแม่น้าซุนกวน นางงอก๊กไถ่จึงเข้าไปต่อว่าซุนกวน ว่าทำการอัปยศนักเห็นทีต้องจับแต่งงานเสียจริงๆ แล้วก็ให้จัดแจงให้เล่าปี่กับซุนฮูหยินตามประเพณี ฝ่ายเล่าปี่ก็หลงใหลในภรรยาแลสมบัติพัศถานที่ซุนกวนนำมาให้ก็หลงละเลิงไป มิมีใจคิดที่จะกลับเมืองเกงจิ๋ว จูล่งจึงใช้อุบายที่ขงเบ้งฝากมาให้ จึงลวงแก่เล่าปี่ว่าโจโฉจะยกมาตีเกงจิ๋ว เล่าปี่มีความอาลัยยิ่งนัก ซุนฮูหยินจึงหนีตามเล่าปี่มา ณ เมืองเกงจิ๋ว ทหารจิวยี่ก็ตามมามิทัน แลตัวซุนกวนนั้นอัปยศนัก ทั้งเสียน้องสาวไปให้แก่เล่าปี่

ตอนที่ 46: จิวยี่ตาย
ฝ่ายโจโฉตั้งแต่แตกทัพเรือครั้งนั้นก็มีความอัปยศนัก ครั้นได้ข่าวว่าเล่าปี่ชิงเอาเกงจิ๋วได้แล้ว ก็ว่าเล่าปี่เหมือนมังกรได้ออกทะเลใหญ่เห็นทีจะกำจัดขัดสนนัก แล้วคิดแต่งตั้งให้จิวยี่เป็นเจ้าเมืองลำกุ๋น หวังให้มีมานะไปตีแก้แค้นเล่าปี่

ฝ่ายซุนกวนให้โลซกไปเจรจาทวงเมืองกับเล่าปี่อีกครั้ง เล่าปี่ก็ทำเป็นร้องไห้หนักว่าไม่มีที่อาศัย โลซกคิดสงสารจึงลากลับไปหาจิวยี่อีกครั้ง จิวยี่จึงว่าท่านแพ้ความคิดเล่าปี่ ขงเบ้งเสียแล้ว เล่าปี่นั้นหาเจรจาเหมือนปากไม่ แล้วก็คิดอุบายได้ข้อหนึ่งให้ทำทีว่าจะตีเมืองเสฉวนให้เล่าปี่ พอผ่านเมืองเกงจิ๋วให้ไปยืมเสบียงเล่าปี่ ครั้นเล่าปี่ออกมาจะจับฆ่าเสีย ขงเบ้งรู้ในกลจึงซ้อนกลจิวยี่ ถึงเวลาจิวยี่ยกทัพมาถึงให้ไปขอเสบียง ก็มิเห็นเล่าปี่แลทหารผู้ใดออกมารับ พบแต่จูล่งสั่งปิดเมืองแล้วตะโกนว่ากลอุบายท่าน ขงเบ้งนั้นแจ้งอยู่แล้ว จิวยี่ก็นึกเสียใจนักด้วยเสียรู้ขงเบ้ง พิษเกาทัณฑ์ก็กำเริบออกมาสิ้นสติ ทหารก็เข้ามาช่วยกันแก้จนฟื้น เห็นว่าตัวจะมิรอดก็สั่งเสียแก่ทหารทั้งปวง ให้ช่วยทำนุบำรุงซุนกวนครั้นสั่งเสร็จ พิษเกาทัณฑ์ก็กลุ้มขึ้นมา จิวยี่คิดแค้นนักจึงแหงนหน้าขึ้นดูฟ้าแล้วร้องว่า ฟ้าให้ยี่มาเกิดแล้ว ไฉนจึงให้เหลียงมาเกิดด้วย ว่าแล้วก็ขาดใจตาย เมื่อจิวยี่ตายนั้นอายุได้สามสิบหกปี ฝ่ายซุนกวนครั้นแจ้งว่าจิวยี่ตายแล้วก็ร้องไห้รักจิวยี่เป็นอันมากแล้วให้แต่งศพตามบรรดาศักดิ์ แล้วตั้งให้โลซกเป็นขุนนางผู้ใหญ่แทนจิวยี่

ตอนที่ 47: เล่าปี่ได้บังทอง
ฝ่ายขงเบ้งรู้ว่าจิวยี่ตายแล้ว ก็คิดไปสืบหาผู้มีสติปัญญาที่เมืองกังตั๋ง แล้วพาจูล่งไปด้วย ครั้นไปถึงขงเบ้งก็รีบเข้าไปคำนับศพจิวยี่ ทหารจิวยี่เห็นขงเบ้งก็แค้นใจเป็นอันมากคิดฆ่าขงเบ้ง ขงเบ้งจึงแสร้งทำโศกเศร้าร้องไห้รักจิวยี่เสียเป็นอันมาก ทหารจิวยี่ก็หลงเชื่อในมารยาขงเบ้ง อีกทั้งมีจูล่งมาด้วยจึงมิอาจทำอะไรได้
อยู่มาขงเบ้งเจอบังทองเพื่อนสนิทจึงสนทนากัน แล้วทำหนังสือปิดขึ้นมาฉบับหนึ่งแล้วว่าว่า หากคิดจะทำการด้วยเล่าปี่ก็ให้เอาหนังสือฉบับนี้ออกไปให้แก่เล่าปี่ด้วย ถ้าบังเอิญตัวเรามิได้อยู่ บังทองก็รับคำแล้วขงเบ้งก็กลับเกงจิ๋ว
ฝ่ายบังทองก็เข้าไปขอทำราชการด้วยซุนกวน ซุนกวนเห็นบังทองรูปร่างอัปลักษณ์นัก เห็นจะมิได้ราชการจึงมิเอาไว้ บังทองน้อยใจนักจึงไปสมัครทำราชการด้วยเล่าปี่ ขณะนั้นขงเบ้งออกไปชำระทุกข์ราษฎมิได้อยู่ บังทองจึงเข้าไปหาเล่าปี่ เล่าปี่เห็นรูปร่างบังทองวิปริตก็มิใคร่นับถือโดยปกติแล้วให้ไปอยู่ ณ เมืองลอยเอี๋ยง ซึ่งเป็นเมืองน้อย บังทองจึงน้อยใจนัก มิได้เอาหนังสือของขงเบ้งให้เล่าปี่ แล้วไปอยู่ ณ เมืองลอยเอี๋ยงเอาแต่เสพแต่สุรา มิได้ออกว่าราชการ

เล่าปี่ก็โกรธนักให้เตียวหุยไปสืบดู บังทองก็ออกตัดสินเนื้อความราษฎรที่ค้างอยู่เสร็จแต่ครู่หนึ่ง เตียวหุยเห็นดังนั้นก็เลื่อมใสยิ่งนักกลับเข้าว่าแก่เล่าปี่ พอดีขงเบ้งเข้ามาว่ากล่าวแก่เล่าปี่ เล่าปี่ก็ฉุกรำลึกขึ้นได้ตอนสนทนากับสุมาเต็กโชว่า ฮกหลงกับฮองซูถ้าได้มาแต่คนหนึ่ง ก็อาจครองแผ่นดินได้ บัดนี้ได้มาพร้อมกันถึงสองคน มีความยินดีนักจึงตั้งบังทองเป็นที่ปรึกษา

ฝ่ายโจโฉคิดกำจัดม้าเท้งจึงทำหนังสือพระเจ้าเหี้ยนเต้ ลวงไปว่าให้หาตัวเข้ามาคิดราชการ ม้าเท้งรู้ดังนั้นจึงให้ม้าเฉียวผู้บุตรกับหันซุยอยู่รักษาเมืองเสเหลียง แล้วยกทหารไปฮูโต๋ ต้องกลโจโฉถูกจับได้ แล้วโจโฉก็ให้ตัวม้าเท้งไปฆ่าเสีย ม้าเท้งก็ด่าโจโฉมิได้ขาดคำจนทหารลงดาบฟันถึงแก่ความตาย ฝ่ายม้าเฉียวคิดแค้นนักก็ยกทหารจะไปตีฮูโต๋

ตอนที่ 48: โจโฉตัดหนวด
ฝ่ายม้าเฉียวก็ยกทัพออกรบใช้อุบายตีได้เมืองเตียงฮันแลด่านตงก๋วน โจโฉจึงยกทหารมาหวังตีเอาด่านคืน เห็นม้าเฉียวสง่าองอาจนัก แลทหารเมืองเสเหลียงนั้นมีกำลังกล้าแข็งเสมอกันทุกคน แล้วมาเฉียวก็ให้ทหารตะลุมบอนเข้าไปจับโจโฉ ทหารโจโฉสู้กำลังทหารม้าเฉียวมิได้ก็แตกกระจัดกระจาย โจโฉเห็นดังนั้นก็ตกใจหนีเข้าไปปะปนกับทหารเลว เหล่าทหารจึงร้องว่า อ้ายหนวดยาวนี่แหละโจโฉ โจโฉก็เอากระบี่ตัดหนวดเสียหวังหลบทหาร พอดีม้าเฉียวควบม้า ไล่เข้ามาใกล้ ก็หนีหลบเข้าไปในป่ารอดมาได้ แล้วก็ตั้งมั่นอยู่มิออกรบ อยู่มาโจโฉคิดอ้อมไปตีเสบียงม้าเฉียว ม้าเฉียวสำคัญในกลจึงออกตีโจโฉพ่ายไป ตัวโจโฉก็หนีลงเรือไป หวิดมิรอดดีที่เคาทูเข้ามาช่วยป้องกันตัวโจโฉไว้ ฝ่ายม้าเฉียวก็เข้าปล้นค่ายโจโฉมิได้ขาด

ต่อมาโจโฉคิดอุบายได้ข้อหนึ่งให้หันซุยกับม้าเฉียวกินแหนงต่อกัน จึงเชิญหันซุยออกมาสนทนาหน้าค่าย โจโฉก็ขับม้าออกมาสนทนาแต่เรื่องสมัยเป็นขุนนางราชการอยู่ด้วยกัน ม้าเฉียวก็นึกสงสัยอยู่ แล้วโจโฉก็ให้ เขียนจดหมายฉบับหนึ่งไปให้แก้หันซุย สลักหลังผนึกเป็นอักษรให้ลบเลือนเสีย ม้าเฉียวเห็นดังนั้นก็โกรธจะฆ่าหันซุยเสีย ทหารหันซุยก็เข้าป้องกันพาหันซุยหนีเข้าค่าย หันซุยน้อยใจนักด้วยม้าเฉียวมิได้คำนันนับถือผู้ใหญ่ คิดเข้าไปสมัครอยู่ด้วยโจโฉ ม้าเฉียวรู้ดังนั้นก็เข้าไปฟันแขนหันซุยขาด ทหารหันซุยแลทหารม้าเฉียวก็เข้ารบฟันกันเอง โจโฉเห็นได้ทีจึงเข้าร่วมรบตีทัพม้าเฉียวแตกพ่ายไป ม้าเฉียวเสียทีดังนั้นก็หลบหนีไปยังเมืองเสเหลียง โจโฉจึงตั้งให้หันซุยเป็นเจ้าเมืองเสเหลียง แฮหัวเอี๋ยนอยู่รักษาเมืองเตียงฮัน แล้วก็ยกทหารกลับฮูโต๋

ตอนที่ 49: เล่าปี่เข้าเสฉวน
ฝ่ายเตียวฬ่อเจ้าเมืองฮันต๋งเกรงว่าโจโฉจะยกทหารมาทำอันตราย ก็คิดทำการซ่องสุมทหารเพื่อต่อสู้โจโฉ จึงคิดไปตีเอาเมืองเสฉวนเป็นที่มั่น ฝ่ายเล่าเจี้ยงเจ้าเมืองเสฉวนรู้ดังนั้นก็ให้เตียวสง ไปยุยงโจโฉให้เข้าตีเมืองฮันต๋ง เมืองเสฉวนจะได้ปลอดภัย ฝ่ายเตียงสงก็ได้ลอบเขียนแผนที่เมืองเสฉวนไปด้วย หวังยกให้แก่โจโฉ เมื่อเข้าถึงฮูโต๋แล้ว โจโฉเห็นอาการเตียวสงเจรจาหยาบช้านัก จึงไล่เตียวสงออกไปเสีย ฝ่ายเตียวสงคิดอับอายนัก ก็มิกล้ากลับไปเมืองด้วยมิสมคำรับปากแก่เล่าเจี้ยง จึงเข้าไปหาเล่าปี่ ตัวขงเบ้ง แลเล่าปี่ก็ออกมาต้อนรับขับสู้อย่างดี เตียวสงจึงซาบซึ้งใจนักมอบแผนที่เมืองให้แก่เล่าปี่แล้วก็ลากลับเมือง

ฝ่ายเตียวสงก็ให้หวดเจ้ง เบ้งตัดเป็นธุระอยู่ข้างใน แล้วเข้าบอกเล่าเจี้ยงให้เชิญเล่าปี่มา ช่วยคิดอ่านป้องกันเมือง เล่าเจี้ยงเห็นด้วยแลขุนนางคัดค้านทัดทานเป็นอันมาก เล่าเจี้ยงก็มิฟังแล้วว่าเล่าปี่กับตัวแซ่เดียวกัน คงมิคิดร้ายด้วย แล้วเชิญเล่าปี่เข้ามา เล่าปี่จึงเอาแต่บังทอง ฮองตง อุยเอี๋ยนไป เล่าเจี้ยงก็แต่งโต๊ะเลี้ยงเล่าปี่ทุกวัน บังทองก็ว่าให้เร่งกำจัดเล่าเจี้ยงเสีย เล่าปี่ก็มิยอมทำตามด้วยเป็นแซ่เดียวกันอิดเอื้อนอยู่

ตอนที่ 50: จูล่งชิงอาเต๊าคืน
ฝ่ายซุนกวนรู้ว่าเล่าปี่ยกไปเสฉวน จึงคิดอุบายว่ามารดาป่วยหนักอยู่ให้หาตัวซุนฮูหยินกลับมาให้เห็นหน้า แลให้เอาอาเต๊าหลานชายไปดูด้วย นางซุนฮูหยินสำคัญว่าจริงก็รีบพาอาเต๊าลงเรือไปกังตั๋ง ฝ่ายจูล่งรู้ว่านางซุนฮูหยินจะไปเมืองกังตั๋ง จึงรีบลงเรือมาแย่งชิงอาเต๊าคืนมาได้ แล้วว่าท่านจะไปก็ตามเถอด แต่ให้อาเต๊าอยู่นี่ ฝ่ายนางซุนฮูหยินก็ขัดใจนัก แล้วให้ทหารรีบแจวเรือไปกังตั๋ง ฝ่ายซุนกวนรู้ว่าได้ซุนฮูหยินกลับมาแล้ว ก็ตัดขาดกับเล่าปี่ แลคิดเตรียมการไปตีเอาเมืองเกงจิ๋วคืน

ฝ่ายโจโฉก็คิดเลื่อนเป็นที่วุยก๋ง แลซุนฮกเข้าว่าเห็นมิชอบ โจโฉขัดใจนัก ก็เอาตระบะเปล่าปิดตราประจำเสีย ฝ่ายซุนฮกสำคัญว่าก็เข้าใจว่าอันตรายจะถึงตัว จึงโทมนัสยิ่งนักแล้วก็กินยาตาย แล้วโจโฉก็ยกทัพไปตีกังตั๋ง พอเข้าเทศกาลหน้าฝน โจโฉก็ยกทัพกลับเมืองฮูโต๋

ฝ่ายเล่าเจี้ยงก็ให้เล่าปี่ไปประจำอยู่ด่านแฮบังก๋วน แลเข้ามาขอทหารแลเสบียงเล่าเจี้ยง ขุนนางทั้งหลายเข้าทัดทานยิ่งนัก เล่าเจี้ยงคิดแคลงใจอยู่ จึงให้แต่ทหารชราสี่พันกับข้าวหมื่นถึง เล่าปี่แจ้งดังนี้ ก็โกรธนักว่าเสียแรงมาช่วยป้องกันบ้านเมืองให้ แล้วคิดอุบายจะเอาเมืองเสฉวนให้ได้ตีได้ด่านโปยสิก๋วน ฝ่ายเล่าเจี้ยงจับได้หนังสือที่เตียวสงส่งไปให้เล่าปี่ จึงโกรธนักให้ประหารเสีย แล้วสั่งกวดขันมิให้เล่าปี่เข้ามาเอาเมืองได้

ตอนที่ 51: บังทองตาย
ฝ่ายเล่าปี่ตีเอาได้เอาด่านหลายด่าน จะไปตีเอาเมืองลกเสีย พบทางใหญ่น้อยสองทาง เล่าปี่จึงไปทางใหญ่ บังทองไปทางน้อย แลขณะไปนั้นม้าบังทองขาหัก เล่าปี่จึงเปลี่ยนม้าของตนไปให้บังทองขี่ บังทองจึงไปทางน้อย แลทางนั้นคับขันนักจึงถามทหารชาวเมืองว่าตำบลนี้ชื่อใด แลทหารนั้นตอบว่า ตำบลลกห้องโหแปลว่าหวส์ตกทุ่ง บังทองได้ยินดังนั้นก็นึกว่าชื่อนั้นคล้องกับตัวนักด้วยฮองซูนั้นแปลว่าหวส์ จึงสะดุ้งตกใจเร่งให้ทหารถอยกลับ เตียวหยิมซึ่งซุ่มอยู่จุดประทัดโห่ร้องขึ้นชี้ว่าคนขี่ม้าขาวนั้นเล่าปี่ แล้วเอาเกาทัณฑ์ระดมยิงเข้าไปถูกบังทองตกม้าขาดใจตาย

ฝ่ายเล่าปี่รู้ว่าบังทองถึงแก่ความตายแล้ว ก็ร้องไห้จนสลบไปแล้วเรียกหาขงเบ้งเข้ามาช่วยคิดการต่อ ขงเบ้งจึงให้กวนอูอยู่รักษาเมืองเกงจิ๋ว แล้วพาเตียวหุย จูล่ง มาด้วย ฝ่ายเตียวหุยยกมาถึงแดนปากุ๋น เตียวหุยก็ใช้อุบายจับเงียมหงันเจ้าเมืองปากุ๋นได้แล้วมัดมา เงียมหงันก็ด่าเตียวหุยเป็นข้อหยาบช้าต่างๆนานา เตียวหุยเห็นเงียมหงันมีใจยั่งยืน ไม่ย่อท้อต่อความตายจึงปล่อยมัดเงียมหงันเสีย เงียมหงันเห็นดังนั้นก็ซาบซึ้งใจนัก ยอมทำการอยู่ด้วยเตียวหุย ครั้นเตียวหุยไปถึงตำบลใด นายด่านเห็นเงียมหงัน จึงยอมเข้าด้วยเตียวหุยตลอด มิได้ขัดขวางแต่ประการใด

ตอนที่ 52: เล่าปี่ชิงได้เมืองเสฉวน
ครั้นขงเบ้งมาบรรจบเล่าปี่แล้วก็คิดอ่านตีเมืองลกเสีย เตียวเอ๊กก็ได้ตัดหัวเล่ากุ๋ยแล้วเปิดประตูเมืองรับเล่าปี่ เล่าปี่ก็ได้เมืองลกเสีย ขงเบ้งจึงให้จูล่งไปปราบหัวเมืองเตงกั๋ง เงียมหงันแลเตียวหุยไปกำจัดหัวเมืองเตงกั๋ง แล้วขงเบ้งก็คิดจะไปตีเอาด่านกิมก๊กแลส่งหนังสือให้เล่าเจี้ยงนอบน้อมแต่โดยดี เล่าเจี้ยงแจ้งดังนั้นก็โกรธฉีกหนังสือทิ้งเสีย แล้วก็แต่งหนังสือไปให้เตียวฬ่อให้ช่วยตีเล่าปี่

ฝ่ายม้าเฉียวซ่องสุมทหารได้เป็นอันมาก พาบังเต๊กยกไปตีได้เมืองกิจิ๋ว ถูกแฮหัวเอี๋ยนล้อมตีคืน ม้าเฉียวจวนตัวนักเหลือทหารอยู่เจ็ดคน จึงหนีฝ่าออกมาหนีออกไปอยู่กับเตียวฬ่อ เตียวฬ่อจึงให้ม้าเฉียวไปตีเล่าปี่ ตัวบังเต๊กป่วยอยู่มิได้ไปด้วย

ฝ่ายอุยหวนที่รักษาด่านกิมก๊กยอมนอนน้อมขงเบ้งแต่โดยดี พอดีม้าใช้แจ้งมาว่าเตียวฬ่อ ให้ม้าเฉียวมาตีเอาด่านแฮบังก๋วน ขงเบ้งจึงให้เตียวหุยเป็นยกไปช่วยก่อน แลม้าเฉียวกับเตียวหุยรบกันเป็นสามารถ ก็มิได้แพ้ชนะกัน ขงเบ้งจึงคิดอุบายให้ม้าเฉียวมาเป็นพวก ก็ส่งของกำนัลให้เอียวสง ไปคอยยุแยงเตียวฬ่อ ม้าเฉียวก็มิอาจกลับเมืองได้ จึงขอยอมอยู่ด้วยขงเบ้ง ครั้นเล่าปี่กลับมายังด่านกิมก๊กแล้ว ก็ให้ม้าเฉียวไปประชิดเมืองเสฉวน แลตัวเล่าเจี้ยงเห็นว่าการจวนตัว ก็คิดที่จะออกไปนอบน้อมโดยดี จึงเอาตราสำหรับที่ออกไปคำนับเล่าปี่ เล่าปี่เห็นดังนั้น ก็จูงเอามือเล่าเจี้ยงขึ้นมาที่ข้างบน แล้วร้องไห้ว่าตัวเราซึ่งทำการครั้งนี้เป็นการจำใจ คิดแต่จะทำนุบำรุงแผ่นดินให้มีความสุข แล้วก็ให้เล่าเจี้ยงไปอยู่เมืองกองอั๋น ซึ่งเป็นเมืองน้อยขึ้นอยู่แก่เมืองเกงจิ๋ว เล่าปี่จึงได้เมืองเสฉวนแต่นั้นมา แล้วก็ได้ตรากฎหมายขึ้นมาใหม่ ตั้งให้ กวนอู เตียวหุย จูล่ง ม้าเฉียว ฮองตงเป็นที่ห้าทหารเอก

ตอนที่ 53: โจโฉตีได้ฮันต๋ง
ฝ่ายซุนกวนรู้ว่าเล่าปี่ก็ให้จูกัดกิ๋นพี่ชายขงเบ้งไปทวงเมืองเกงจิ๋วตามสัญญา เล่าปี่ก็มิบอมให้ ขงเบ้งจึงว่ากล่าวให้คืนแต่เมืองเตียงสา เลงเหลง ฮุยเอี๋ยงซึ่งเป็นเมืองขึ้นแก่เกงจิ๋ว ให้ไปว่ากล่าวแก่กวนอูเอาเอง ครั้นจูกัดกิ๋นมาถึงเมืองเกงจิ๋ว กวนอูก็มิยอมให้ จูกัดกิ๋นก็กลับไปหาเล่าปี่แกครั้ง เล่าปี่ก็บอกว่ากวนอูน้ำใจดื้อดึง ปากก็ว่าตีได้เมืองฮันต๋งเมื่อไหร่ จึงจะคืนเกงจิ๋วให้ จูกัดกิ๋นมิรู้ทำประการใดก็ลาออกมา

ซุนกวนรู้ดังนั้นก็โกรธนัก ให้โลซกเชิญกวนอูออกมากินโต๊ะจะได้จับฆ่าเสีย ฝ่ายกวนอูก็มิเกรงกลัวลงเรือไปกับจิวฉอง ขณะกินอยู่นั้นโลซกได้เอ่ยทวงเมืองเกงจิ๋ว กวนอูก็โกรธแล้วตอบว่า ตอนที่เล่าปี่ไปสกัดโจโฉหลายตำบล ตัวก็เสียเสบียงแลทหาร จะได้เมืองเกงจิ๋วอยู่ก็ยังมิเพียงพอ แล้วก็แสร้งทำเป็นเมาสุราจูงมือโลซกมาให้ส่งถึงเรือ ทหารที่ซุ่มอยู่ก็มิอาจทำอะไรได้ ด้วยกลัวจะเป็นอันตรายแก่โลซก

ฝ่ายซุนกวนรู้ดังนั้นก็โกรธ จัดแจงเกณฑ์ทหารสิ้นทั้งเมืองจะไปตีเมืองเกงจิ๋ว พอดีม้าใช้มาแจ้งว่าโจโฉจะยกมาตีกังตั๋ง ซุนกวนจึงออกไปตั้งรับ ณ ตำบลหับป๋า ฝ่ายโปหั้นเข้าว่ากล่าวแก่โจโฉว่ากังตั๋งเป็นแดนกันดาร เห็นจะเอาชนะลำบาก โจโฉจึงงดกองทัพไว้ แล้วคิดที่จะเลื่อนเป็นวุยอ๋องอีก ฝ่ายซุนฮิวก็ว่ากล่าวทัดทานอยู่ โจโฉก็โกรธ แล้วว่าท่านกล่าวทัดทานเช่นนี้เห็นจะเหมือนซุนฮก ซุนฮิวก็ลากลับมาบ้านมีความทุกข์น้อยใจเป็นอันมาก จนตรอมใจตาย

ฝ่ายพระเจ้าเหี้ยนเต้กลัวว่าโจโฉเป็นที่วุยอ๋องแล้ว จะคิดขบถเอาราชสมบัติเสียมั่นคง จึงเขียนหนังสือส่งให้ฮกอ้วนผู้เป็นบิดานางฮกเฮามเหสี ให้ช่วยคิดการกำจัดโจโฉเสีย โจโฉจับได้หนังสือก็โกรธ ก็จับฮกอ้วน นางฮกเฮาแลครอบครัวมาฆ่าเสียสิ้น แล้วกะเกณฑ์ทหารจะไปตีเมืองฮันต๋ง ฝ่ายเตียวฬ่อก็ให้บังเต๊กออกรบด้วยโจโฉ โจโฉเห็นบังเต๊กชำนาญสงครามนัก ก็ใคร่อยากได้มาบังเต๊กมาอยู่ด้วย ก็จับได้ตัวบังเต๊ก บังเต๊กก็ยอมมาอยู่ด้วย ฝ่ายเตียวฬ่อสู้โจโฉมิได้ ก็ยอมสวามิภักดิ์ด้วยโจโฉ โจโฉมีใจเอ็นดู จึงตั้งให้เตียวฬ่อเป็นเจ้าเมืองปาต๋ง

ตอนที่ 54: ยุทธการที่เขาเตงกุนสัน
ฝ่ายอาณาประชาราษฎร์ในเมืองเสฉวนรู้ว่า โจโฉตีได้เมืองฮันต๋งแล้วก็สะดุ้งตกใจ เกรงโจโฉมาตีเมืองเสฉวน ขงเบ้งจึงออกอุบาย ส่งหนังสือให้ซุนกวน ว่าให้ตีมอิงหับป๋าเสีย จะคืนเมืองขึ้นเกงจิ๋วสามเมืองให้ ซุนกวนจึงออกตีได้เมืองอ้วยเซีย แล้วจะไปตีเมืองหับป๋า ฝ่ายเตียวเลี้ยวซึ่งรักษาเมืองหับป๋าอยู่นั้น ก็ส่งหนังสือไปถึงโจโฉ โจโฉจึงให้แฮหัวเอี๋ยนอยู่รักษาเมืองฮันต๋ง แล้วก็ยกทหารมาบรรจบเตียวเลี้ยว

ฝ่ายโจโฉแลซุนกวนก็ออกรบกันเดือนเศษ ซุนกวนก็ยอมอ่อนน้อมแก่โจโฉ ส่งหนังสือไปยังโจโฉขอเลิกทัพ โจโฉก็ยกกลับฮูโต๋ ขุนนางใหญ่น้อยก็กราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ ให้โจโฉเป็นวุยอ๋อง โจโฉมีความยินดีนัก แลตั้งให้โจผีบุตรคนโตเป็นที่ชีจู๊ สืบตำแหน่งโจโฉ อยู่มาม้าใช้มาบอกว่าโลซกที่ปรึกษาซุนกวนถึงแก่ความตายแล้ว แลเล่าปี่คิดจะมาตีเอาเมืองฮันต๋ง โจโฉแจ้งดังนั้นก็โกรธ ให้โจหองยกทหารไปช่วยแฮหัวเอี๋ยน

ฝ่ายเล่าปี่ก็รุกเข้าตีทหารเตียวคับแตก แลยึดได้ที่เก็บเสบียงที่เขาเทียนตองสัน ก็รุกคืบเข้าจะไปตีเอาที่เก็บเสบียงข้างเขาเตงกุนสัน ซึ่งแฮหัวเอี๋ยนรักษาอยู่ ฝ่ายโจโฉรู้ดังนั้นก็ยกทหารมาบรรจบโจหอง ณ เมืองฮันต๋ง ให้แฮหัวเอี๋ยนระวังรักษาเสบียงไว้ให้ดี

ฝ่ายขงเบ้งก็ให้ฮองตงออกตีเขาเตงกุนสัน ฮองตงใช้อุบายล่อให้แฮหัวเอี๋ยนออกมา แฮหัวเอี๋ยนมิสำคัญในกล ก็ออกมาถูกฮองตงเอาดาบฟันแฮหัวเอี๋ยนศรีษะขาดตาย ฝ่ายโจโฉรู้ดังนั้น ก็ร้องไห้รักแฮหัวเอี๋ยนเป็นอันมาก แล้วโกรธยกทหารสี่สิบหมื่นหวังแก้แค้นแทนแฮหัวเอี๋ยนกลับสู้อุบายขงเบ้งมิได้ แตกหนีมาต้องยกทัพกลับฮูโต๋ ทั้งเสียเมืองฮันต๋ง ขณะนั้นพระเจ้าเหี้ยนเต้มาอยู่ฮูโต๋ได้ยี่สิบสามปี เล่าปี่ก็ได้ทำพิธีตั้งตัวเป็นเจ้าเรียกว่าเจ้าฮันต๋ง

ตอนที่ 55: ประหารกวนอู
ฝ่ายโจโฉเมื่อรู้ว่าเล่าปี่ตั้งตัวเป็นเจ้า ก็โกรธนัก สุมาอี้จึงเสนออุบายให้ชวนซุนกวน เข้าร่วมตีเอาเมืองเกงจิ๋วคืน ฝ่ายซุนกวนก็เห็นชอบ ด้วยมีความแค้นอยู่นานแล้ว ฝ่ายกวนอูได้รับตราตั้งจากเล่าปี่ให้เป็นใหญ่ในเมืองเกงจิ๋ว แลให้ไปตีเอาเมืองอ้วนเซีย กวนอูจึงให้ปลูกร้านรายทางตามริมน้ำ หวังมิลิบองซึ่งตั้งทัพอยู่ด่านแฮเค้ามาโจมตีได้ หากมีทหารยกมา แต่ละร้านก็จะจุดควันเพลิงเป็นสัญญาณ ก็จะช่วยถึงกันได้ แล้วกวนอูก็ออกตีมาประชิดเมืองอ้วนเซีย โจโฉรู้ดังนั้นก็ให้อิกึ๋มแลบังเต๊ก ออกช่วยตีกวนอู อิกึ๋ม บังเต๊กก็ตั้งค่ายทัพอยู่

ขณะนั้นเกิดน้ำท่วมใหญ่ ค่ายอิกึ๋ม บังเต๊ก ทหารล้มตายเป็นอันมาก กวนอูเห็นได้ทีจึงเข้าตีค่าย อิกึ๋มสู้ไม่ได้เข้ายอมอ่อนน้อม กวนอูจึงจับส่งไปเกงจิ๋ว แลตัวบังเต๊งกวนอูจับได้ก็ให้ไปฆ่าเสีย แล้วกวนอูก็ยกทหารเข้าจะตีเมืองอ้วนเซีย ขณะนั้นโจหยินยืนอยู่บนหอรบ ให้ทหารยิงเกาทัณฑ์ไปถูกไหล่ซ้ายกวนอู กวนเป๋งก็เข้าไปแก้กวนอูกลับมาค่าย กวนอูก็ป่วยอยู่

ขณะนั้นหมอฮัวโต๋พอดีมาที่ค่าย เข้าช่วยรักษาแผลกวนอู ว่าแผลถูกพิษเกาทัณฑ์ จะรักษาต้องความเจ็บปวดเป็นอันมาก กวนอูก็มิครั่นคร้าม ยอมให้หมอฮัวโต๋ขูดพิษจากกระดูกออก ตัวนั้นนั่งเล่นหมากรุกอยู่ หวังมิให้ทหารเสียน้ำใจ หมอฮัวโต๋มีความนับถือกวนอู ว่ามีความอดทนเป็นอันมาก แล้วลาออกมา ฝ่ายลิบองเห็นกวนอูตระเตรียมการมั่นคงก็มิรู้ทำประการใด จึงแกล้งป่วยอยู่ ฝ่ายลกซุนก็เข้าเยี่ยม เสนอแผนการให้กวนอูตายใจ ลิบองเห็นด้วยจึงทำทีเป็นยกตำแหน่งให้ลกซุนดูแลด่านแฮเค้าแทน แลตัวลกซุนก็ส่งหนังสือทำเป็นอ่อนน้อมแก่กวนอู ฝ่ายกวนอูเห็นลกซุนมิได้มีชื่อเสียงเรียงนาม แลทำทีอ่อนน้อม จึงหาแคลงไม่ก็เรียกทหาร ที่ตรวจตราตามรายแม่น้ำ ไปช่วยตีเมืองอ้วนเซีย

ฝ่ายลิบองเห็นดังนั้นก็ทำทีปลอมเป็นเรือลูกค้าแล่นผ่านร้านไฟ ทำทีเป็นหลบพายุ แล้วก็จับทหารที่ดูร้านไฟเสีย ปูนบำเหน็จเป็นอันมาก แล้วให้ไปเรียกชาวเมืองให้เปิดประตูรับ ฝ่ายทหารในเมืองสำคัญว่าพวกเดียวกัน ก็เปิดประตูรับ ลิบองจึงให้ทหารกรูเข้าไป ได้เมืองเกงจิ๋วโดยง่ายมิได้สู้รบเลย แล้วเอาอิกึ๋มออกจากคุกคืนให้แก่โจโฉ ฝ่ายโจโฉก็ยกทัพหลวงหวังมาช่วยเมืองอ้วนเซีย ฝ่ายกวนอูรู้ว่าโจโฉยกมาแลเมืองเกงจิ๋วก็เสียแก่ลิบองแล้ว ก็มิได้เชื่อ แลซิหลงซึ่งยกทัพมาถึงก็เข้าสู้ด้วยกวนอู โจหยินซึ่งรักษาเมืองอ้วยเซียอยู่ เห็นดังนั้นก็ออกมาช่วยรบกระหนาบ กวนอูเห็นจะสู้มิได้ก็หนีออกมา ฝ่ายทหารกวนอูก็คิดถึงบุตรภรรยาที่อยู่ในเมืองเกงจิ๋ว ก็มิมีใจสู้รบ หลบหนีออกมาเป็นอันมาก กวนอูก็รบต้านทานอยู่ แล้วหนีไปอยู่เมืองเป๊กเสีย แล้วขอความช่วยเหลือจากเล่าฮอง เบ้งตัด ซึ่งอยู่เมืองซงหยง ฝ่ายเล่าฮอง เบ้งตัด ก็มิช่วยเหลือ กวนอูรู้ดังนั้นเห็นจะต้านทานที่เมืองเป๊กเสียไม่ได้ ให้จิวฉองอยู่รักษาเมืองเป๊กเสียไว้ แล้วก็หลบหนีออกมาหวังไปเสฉวน ทหารซุนกวนก็จับกวนอูได้ ฝ่ายซุนกวนเห็นว่ากวนอูมีความซื่อสัตย์นัก เห็นจะเลี้ยงไว้มิได้ก็ให้ประหารกวนอู กวนเป๋งเสีย ฝ่ายจิวฉองรู้ดังนั้นก็เอาดาบเชือดคอตายตาม
ตอนที่ 56 โจโฉตาย
ฝ่ายเล่าปี่ครั้นรู้ข่าวกวนอูแล้วก็ร้องไห้สิ้นสติสมประดีไป ครั้นฟื้นขึ้นก็ว่าจะปองล้างกังตั๋งตลอดไป แล้วจะยกทหารไปล้างกังตั๋งเสีย ฝ่าขงเบ้งให้ระงับไว้ก่อน เล่าปี่ก็ยอม แล้วก็ให้ฆ่าเล่าฮอง บุตรบุญธรรมเสีย ส่วนเบ้งตัดหนีไปสวามิภักดิ์แก่โจผี

อยู่มาโจโฉคิดสร้างวังใหม่ เห็นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งโจโฉสั่งให้ตัดเสีย ชาวบ้านจึงว่าต้นไม้ต้นนี้ มีเทพารักษ์สถิตอยู่ โจโฉมิได้กลัวก็สั่งให้ตัดเสีย ต่อมาโจโฉก็ถูกเทพารักษ์มาหลอกหลอนตลอด โจโฉก็ปวดหัวเป็นกำลัง ให้หาหมอฮัวโต๋มารักษา ครั้นหมอฮัวโต๋มาถึงก็เสนอการรักษา ให้ผ่าศรีษะชำระโรค โจโฉได้ยินดังนั้นก็โกรธ ว่าเป็นอุบายจะฆ่าตัวให้ตาย ก็จับหมอฮัวโต๋ไปใส่คุกทรมาณอยู่ อยู่มาม่นานหมอฮัวโต๋ก็ตาย

ฝ่ายโจโฉโรคปวดหัวก็กำเริบเป็นกำลัง แลไปเห็น นางตังกุยหุย นางฮกเฮา ฮกอ้วน ตังสิน ซึ่งโจโฉฆ่านั้นมาหลอกหลอน ทั้งได้ยินเสียงปีศาจร้องไห้เซ็งแซ่ ก็เห็นว่าตัวจะมิรอดแล้ว ก็ให้หา โจหอง ตันกุ๋ย สุมาอี้ กาเซี่ยง ฝากฝังบุตรภรรยา ให้โจผีสืบทอดตำแหน่งต่อไป สั่งแล้วก็ทอดใจใหญ่ ก็ผวาล้มลงขาดใจตาย เมื่อโจโฉตายนั้น อายุได้หกสิบหกปี พระเจาเหี้ยนเต้มาอยู่เมืองฮูโต๋ได้ยี่สิบห้าปี

ฝ่ายพระเจ้าเหี้ยนเต้ก็พระราชตราตั้งให้แก่โจผี ให้สืบดำรงตำแหน่งโจโฉต่อไป ฝ่ายโจสิดน้องโจผี ก็มิได้มายอมคำนับศพบิดา โจผีจึงสั่งให้ลงอาญาแก่โจสิด ฝ่ายโจสิดก็มิได้เกรงกลัว โจผีก็โกรธนักให้เคาทูไปจับตัวโจสิดมา ฝ่ายมารดาโจผีเห็นโจผีทำดังนั้น ก็ร้องไห้อ้อนวอน โจผีก็ให้โจสิดทำโคลงเกี่ยวกับพี่น้อง ภายใจเจ็ดก้าวโดยมิให้เอ่ยคำว่าพี่น้อง หากทำมิได้ก็จะให้ฆ่าเสีย โจสิดก็มิย่อท้อ เดินคิดโคลงได้เจ็ดก้าวก็เอ่ยว่า คั่วถั่วเอากิ่งถั่วมาเป็นฟืนไฟ เมล็ดถั่วในกระทะจะไหม้ก็เพราะกิ่งถั่วต้นรากอันเดียวกันนั่นเอง เหตุใดจึงเร่งไฟให้หนักนัก โจผีได้ยินก็รำลึกถึงพี่น้องแล้วก็ร้องไห้รัก ให้โจสิดไปอยู่เมืองอันเหียง แลตัวโจผีนั้นก็ทำยศยิ่งกว่าโจโฉ ข่งเหงพระเจ้าเหี้ยนเต้ ฝ่ายแฮหัวตุ้นป่วยเป็นไข้หนัก อยู่มาไม่นานก็ตาย

อยู่มาโจผีบังคับให้พระเจ้าเหี้ยนเต้ออกเสียจากบัลลงค์ แล้วให้โจผีขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แทน สถาปนาราชวงค์วุย ให้ไปสร้างวังใหม่อยู่ ณ เมืองลกเอี๋ยง ฝ่ายขงเบ้งแจ้งดังนั้น ก็จัดแจงทำพิธียกเล่าปี่ขึ้นเป็นกษัตริย์บ้าง
ตอนที่ 57 เล่าปี่ยาตราทัพเหยียบกังตั๋ง
ฝ่ายเล่าปี่ก็นึกแค้นซุนกวน จึงจัดแจงเตรียมทหารหวังล้างกังตั๋งให้ได้ ขุนนางทั้งปวงต่างทัดทาน เล่าปี่ก็มิฟังให้ขงเบ้งอยู่รักษาเมืองเสฉวน แล้วเตรียมทหารจะยกไป
ฝ่ายเตียวหุยซึ่งรักษาเมืองลองจิ๋ว รู้ดังนั้นก็จัดแจงสั่งให้ ฮอมเกียง เตียวตัด เตรียมเครื่องนุ่งห่มขาว ม้าขาวธงขาวแลเครื่องศัตราวุธ ให้เสร็จสิ้นภายในสามวัน ฝ่ายฮอมเกียง เตียวตัดก็เห็นว่าจัดหามิทัน เตียวหุยก็สั่งให้โบยเสีย ฝ่ายฮอมเกียง เตียวตัดก็คิดแค้นนัก แลคิดหนีไปสวามิภักดิ์ซุนกวน ตกดึกเห็นเตียวหุยเมาสุราหลับอยู่ ก็เข้าไปกระบี่แทงที่ท้องแลซอกคอ เตียวหุยร้องขึ้นมาคำเดียวก็ตาย แล้วฮอมเกียง เตียวตัด ก็ตัดศีรษะเตียวหุยหนีไปเมืองกังตั๋ง
ฝ่ายเล่าปี่รู้ดังนั้นก็ร้องไห้รักเป็นอันมาก แล้วสั่งเคลื่อนทัพไปกังตั๋ง เอากวนหิน เตียวเปา บุตรกวนอู เตียวหุยไปด้วย ฝ่ายซุนกวนแต่งแม่ทัพออกมาสกัดตั้งทัพที่เมืองอิเหลง เล่าปี่ก็ให้ฮองตงออกรบ ทหารพัวเจี้ยงก็เอาเกาทัณฑ์ยิงไปถูกฮองตงตาย ฝ่ายสะโมโขเจ้าเมืองลำมัน ยกทัพมาช่วยเล่าปี่พบกำเหลง ก็เอาเกาทัณฑ์ยิงไปถูกำเหลงตาย ทหารเล่าปี่ก็เข้ารบทหารซุนกวน มีชัยชนะเป็นลำดับ ฝ่ายซุนกวนรู้ดังนั้นก็สะดุ้งตกใจนัก เห็นการใหญ่หลวงนัก ส่งไมตรีไปหาเล่าปี่ เล่าปี่ก็มิยอมรับหวังล้างกังตั๋งเสียให้ได้ กำเจ๊กจึงเสนอให้ลกซุนออกสกัดตีเล่าปี่ ซุนกวนได้ฟังดังนั้นก็ฉุกคิดขึ้นได้ ให้เรียกหาตัวลกซุน ให้อาญาสิทธ์มอบกระบี่ บังคับบัญชาทหารทั้งปวง แล้วก็ยกทหารออกไป


ฝ่ายลกซุนก็รักษาค่ายอยู่มิได้ออกรบ ทหารเล่าปี่ก็เข้ามาท้าสู้อยู่มิได้ขาด ลกซุนก็มิได้ออกรบ เล่าปี่เห็นดังนั้นก็นึกประมาท จึงไปตั้งค่ายอยู่รายแม่น้ำอยู่เจ็ดพันเส้น ลกซุนเห็นเล่าปี่ตั้งค่ายมิต้อง ตำราพิชัยสงครามก็ดีใจ ครั้นถึงเวลาค่ำก็เข้าตีหัวท้ายค่ายเล่าปี่ เอาเพลิงจุดสลับค่ายกันไป ฝ่ายทหารเล่าปี่เห็นดังนั้น ก็วิ่งหนีวุ่นวายไป วิ่งเหยียบล้มตายกันเป็นอันมาก ครั้นจะช่วยถึงกันก็มิได้ ลกซุนก็ให้ทหารเข้าตีค่ายเล่าปี่ ทหารเล่าปี่ล้มตายเป็นอันมาก ค่ายเล่าปี่ก็แตก เล่าปี่ก็เห็นเหลือกำลังจะสู้รบ ก็แตกหนีไปถึงเมืองเป๊กเต้
ตอนที่ 58 เล่าปี่ตาย
ฝ่ายเล่าปี่ตั้งแต่เสียทัพแตกมานั้น ก็อัปยศอดสูใจยิ่งนัก มิยอมกลับเสฉวน ครั้นอยู่มาป่วยหนัก รู้ว่าตัวจะตายแน่แล้ว ก็เรียกหาขงเบ้ง จูล่ง แลนายทหารทั้งปวงเข้ามา เล่าปี่ก็ฝากฝังอาเต๊าให้แก่ขงเบ้ง ช่วยทำนุบำรุงต่อไป ครั้นสั่งสิ้นความก็ตรอมใจตาย ครองราชย์ได้สามปี แล้วขุนนางทั้งปวงก็เชิญ อาเต๊าขึ้นสืบราชสมบัติ มีพระนามว่า พระเจ้าเล่าเสี้ยน
ฝ่ายสุมาอี้เห็นว่าบ้านเมืองเสฉวนยังมิปกติ จึงเสนอพระเจ้าโจผีให้ตีเสฉวนเสีย พระเจ้าโจผีเห็นด้วย ก็ให้ตระเตรียมทหารแล้วยกไปเป็นห้าทาง พระเล้าเล่าเสี้ยนรู้ดังนั้นก็ตกพระทัยนัก เรียกหาขงเบ้งเข้ามาช่วยคิดราชการ ขงเบ้งจึงให้เตงจี๋ไปผูกพันธไมตรีกับซุนกวน ซุนกวนก็ยอมด้วย พระเจ้าโจผีเห็นว่า เมืองเสฉวนกับเมืองกังตั๋งเป็นไมตรีกัน ดีร้ายจะยกมาบรรจบตีลกเอี๋ยง ก็ให้ยกไปตีเมืองกังตั๋ง ซุนกวนก็ส่งหนังสือขอกองทัพไปช่วย ขงเบ้งก็ให้จูล่งยกทหารจะไปตีเมืองเซ่งอั๋น พระเจ้าโจผีรู้ดังนั้นก็ถอยทัพกลับ ชีเซ่ง เตงฮอง เห็นได้ทีก็ไล่ตามเข้าไป เตียวเลี้ยวเห็นดังนั้นก็เข้าช่วยพระเจ้าโจผี ถูกเกาทัณฑ์บาดเจ็บ อยู่มาพิษเกาทัณฑ์ก็กลุ้มขึ้น แล้วก็ตาย
อยู่มาพระเจ้าเล่าเสี้ยนเสวยราษฎร์ได้สามปี เบ้งเฮ็กเจ้าเมองมันอ๋อง คิดรุกรานเสฉวน ขงเบ้งก็ขอออกไปปราบปรามหัวเมืองให้สิ้นซาก แลเส้นทางไกลกันดารนัก ทั้งโรคร้ายก็มาก ขงเบ้งก็ได้ยกทหารลงใต้ จับตัวเบ้งเฮ็กได้เป็นหลายครั้ง แลน้ำใจชาวเผ่าทางใต้นั้นดุร้ายนัก ก็มิอาจหักได้ด้วยกำลังทหาร ขงเบ้งก็หวังปราบปรามหัวเมืองให้สิ้นซาก จึงปล่อยตัวเบ้งเฮ็กเสียหกครั้ง ไล่ต้อนเบ้งเฮ็กจนอับจน ก็จับได้ เบ้งเฮ็กจึงยอมอ่อนน้อมด้วยขงเบ้ง ไม่คิดรุกรานเสฉวนอีกเลย ขงเบ้งก็ยกทหารกลับเสฉวน
ตอนที่ 59 ขงเบ้งตีวุยก๊ก
ฝ่ายพระเจ้าโจผีครองราชย์ได้เจ็ดปี ก็ประชวรหนักเห็นว่าตัวจะมิรอด ก็เรียกโจจิ๋น สุมาอี้ ฝากฝังโจยอยผู้บุตรให้สืบราชสมบัติต่อไป สั่งเสร็จแล้วก็ขาดใจตาย ขุนนางทั้งปวงจึงเชิญพระเจ้าโจยอย ขึ้นเสวยราชสมบัติแล้วให้สุมาอี้ ไปรับหน้าศึกที่เมืองเสเหลียง
ฝ่ายขงเบ้งเห็นว่าสุมาอี้มิสติปัญญา ก็คิดอุบายปล่อยข่าวลือไปทั่วลกเอี๋ยงว่าสุมาอี้คิดขบถ พระเจ้าโจยอยก็ทรงเชื่อ ก็ถอดสุมาอี้ออกจากขุนนาง ให้ไปเป็นไพร่ทำมาหากิน อยู่บ้านเก่า ฝ่ายขงเบ้งรู้ดังนั้นก็ยินดี เข้ากราบทูลพระเจ้าเล่าเสี้ยน ขอไปตีลกเอี๋ยง ขณะนั้นพระเจ้าเล่าเสี้ยนครองราชย์ได้ห้าปี
ฝ่ายขงเบ้งออกจากเมืองฮันต๋ง แวะเข้าคำนับที่ฝังศพม้าเฉียว แล้วตีถลำเข้ามาจะตีเอาเมืองเทียนซุย ให้จูล่งซุ่มทหารอยู่ แลขงเบ้งก็ใช้อุบายล่อม้าจุ้น เจ้าเมืองเทียนซุยออกมา เกียงอุยซึ่งเป็นนายทหารในเมืองนั้นสำคัญในอุบาย ก็ซ้อนกลเสีย จูล่งเสียทีก็กลับเข้าไปหาขงเบ้ง ฝ่ายขงเบ้งเห็นว่าเกียงอุยมิสติปัญญารู้ล่วงนัก ก็ใคร่ได้มาอยู่ด้วย จึงทำอุบายเสีย เกียงอุยจึงยอมมาทำการอยู่ด้วยขงเบ้ง ขงเบ้งก็ยกมาถึงเขากิสาน พระเจ้าโจยอยก็ตั้งให้โจจิ๋น ออกต้านทานขงเบ้ง ฝ่ายโจจิ๋นสู้ขงเบ้งมิได้ ก็แตกหนีมา
ฝ่ายพระเจ้าโจยอยเห็นดังนั้น ก็มิรู้จะหานายทัพมาสู้ขงเบ้ง จงฮิวจึงเสนอให้กลับแต่งตั้งสุมาอี้ เข้าสู้ด้วยขงเบ้ง พระเจ้าโจยอยเห็นชอบด้วย ก็ตั้งให้สุมาอี้เป็นขุนนางอย่างเก่า แล้วให้ไปบรรจบกับพระเจ้าโจยอย ณ เมืองเตียงฮัน
ฝ่ายขงเบ้งรู้ว่าพระเจ้าโจยอยให้สุมาอี้กลับตำแหน่งอย่างเก่าก็ตกใจนัก แล้วว่าสุมาอี้จะมาตีปิดต้นทาง จึงหาผู้อาสาไปรักษาด่านเกเต๋ง ม้าเจ๊กก็ได้อาสาแลทำทัณฑ์บนไว้ แล้วยกไป ฝ่ายม้าเจ๊กเมื่อมาถึงก็เห็นประมาท ไปตั้งทัพสกัดบนยอดเนินเขา เมื่อสุมาอี้เมื่อยกทัพมาถึง เห็นดังนั้น ก็เข้าล้อมเนินเขา ปิดทางน้ำแลจุดไฟเผาเสีย ทหารม้าเจ๊กก็แตกตื่นเป็นอลหม่าน ทหารสุมาอี้ก็เข้าล้อมอยู่ ม้าเจ๊กเห็นดังนั้นก็จวนตัวหนีหักออกมา แลรักษาต้นทางเกเต๋งไว้มิได้
ฝ่ายขงเบ้งรู้ดังนั้นก็ตกใจ ก็รีบเตรียมถอยทัพกลับฮันต๋ง เดินทางไปถึงเมืองเสเสีย ก็ให้หยุดอยู่ แลทหารบอกว่า สุมาอี้ยกทัพมาถึงแล้ว ทหารขงเบ้งก็ตกใจหน้าซีดเสียทุกคน แลขงเบ้งเห็นว่าจวนตัวคับขันนัก ก็ให้เปิดประตูเมืองทั้งสี่ด้าน แล้วมิให้ผู้ใดส่งเสียง แล้วตัวขงเบ้งก็ขึ้นไปบนกำแพงเมือง เล่นดีดพิณสบายอยู่ สุมาอี้เห็นดังนั้นก็นึกสงสัย พิเคราะห์อยู่ก็เห็นว่า ขงเบ้งแต่งกลมีทหารซุ่มเป็นมั่นคง ก็ให้เร่งถอยทหารกลับ
ฝ่ายทหารทั้งปวงเห็นสุมาอี้ยกทัพกลับไป ก็มีความยินดี แล้วขงเบ้งก็ให้ล่ากลับฮันต๋ง ฝ่ายจูล่งซึ่งล่วงมาอยู่ตำบลกิก๊ก ก็ฝ่ากลับออกมาได้อย่างมิเป็นอันตราย ครั้นขงเบ้งกลับถึงฮันต๋งก็ฝืนใจ ให้ประหารม้าเจ๊กตามอาญาแลทัณฑ์บน แลขงเบ้งก็ให้เตรียมทหารพรักพร้อมไว้ รอการตีลกเอี๋ยงอีกคราหนึ่ง

ตอนที่ 60 จูล่งตาย
อยู่มาพระเจ้าเล่าเสี้ยนได้รับหนังสือจากซุนกวน ให้ออกตีลกเอี๋ยง พระเจ้าเล่าเสี้ยนเห็นชอบด้วย ก็ให้ขงเบ้งยกไปตีลกเอี๋ยง แลขณะไปนั้นก็รู้ข่าวว่าจูล่งตายแล้ว ขงเบ้งก็ร้องไห้รักเป็นอันมาก แล้วว่าซึ่งจูล่งถึงแก่ความตายนี้ เหมือนดั่งแขนซ้ายพระเจ้าเล่าเสี้ยนขาด พระเจ้าเล่าเสี้ยนก็ร้องไห้รัก แล้วให้แต่งการศพเป็นอย่างดี
ฝ่ายขงเบ้งก็ยกทัพมาทางตันฉอง พระเจ้าโจยอยก็ให้โจจิ๋นออกสู้ขงเบ้ง อยู่มาไม่นานเสบียงหมด ขงเบ้งจึงยกทัพกลับฮันต๋ง ฝ่ายเมืองกังตั๋งก็ทำพิธีราชาพิเษก ยกซุนกวนเป็นกษัตริย์ แล้วก็ส่งไมตรีไปทางเสฉวน ให้ช่วยรบลกเอี๋ยง ตีสองทาง พระเจ้าเล่าเสี้ยนรู้ดังนั้น ก็ให้ขงเบ้งออกตีลกเอี๋ยงอีกคราหนึ่ง
พระเจ้าโจยอยรู้ดังนั้นก็ตั้งให้สุมาอี้เป็นใหญ่ คุมอาญาสิทธ์ทั้งปวง ขงเบ้งก็รุกไล่เข้ามา สุมาอี้ก็ตั้งค่ายสกัดอยู่ แลมิได้ออกรบ ตั้งมั่นให้ช้าอยู่ ขงเบ้งเห็นดังนั้น ก็คิดอุบายทำทีเป็นถอยทหารกลับ สุมาอี้ก็มิได้หลงตามตี ขงเบ้งก็ให้ถอยทุกสามร้อยเส้น เตียวคับเห็นดังนั้น ก็ขอออกตีขงเบ้ง สุมาอี้ก็ให้ไปแลยกทัพหนุนไปช่วย ถูกกลขงเบ้ง ทัพสุมาอี้ก็แตก อยู่มาขงเบ้งก็ป่วยหนัก ให้ถอยทัพกลับเสฉวน ครั้นรักษาไม่นานก็หาย แล้วขงเบ้งก็ให้ซักซ้อมทหารหัดปรือกันอยู่ จะไปตีเมืองลกเอี๋ยงอีกครั้งหนึ่ง
ฝ่ายพระเจ้าโจยอยเห็นขงเบ้งทำการกำเริบ ก็ให้โจจิ๋นแลสุมาอี้ไปตีเสฉวน ครั้นเดินทางมาเกิดฝนตกห่าใหญ่ จึงเลิกทัพกลับ ขงเบ้งเห็นได้ทีก็ยกทหารตามตี โจจิ๋นได้รับความอัปยศนัก ก็ตรอมใจตาย แลสุมาอี้ก็ได้เข้ารบกับขงเบ้ง เสียทียกทหารหนีถอยมา ขงเบ้งก็ล่วงลึกเข้ามา ตั้งค่ายอยู่ ณ เขากิสาน สุมาอี้ก็คิดอุบายปล่อยข่างลือ ไปยังเสฉวนว่าขงเบ้งคิดขบถ พระเจ้าเล่าเสี้ยนรู้ดังนั้นก็สำคัญว่าจริง เรียกขงเบ้งกลับ ขงเบ้งก็ถอนใจใหญ่ว่า การทำมาถึงเพียงนี้ จะทำกลับทำการสักร้อยครั้ง ก็มิได้มาถึงนี่ได้อีกครั้ง แล้วก็เลิกทัพกลับ แล้วเข้าว่าพระเจ้าเล่าเสี้ยน พระเจ้าเล่าเสี้ยนก็ว่าตัวนั้นผิด หูเบา เชื่อฟังแต่คนชั่ว ครั้นขงเบ้งสืบสาวเอาเรื่องแล้ว ก็จัดทแกล้วทหาร จะไปตีเตียงฮัน ขณะนั้นพระเจ้าเล่าเสี้ยนเสวยราษฎร์ได้เก้าปี

ฝ่ายสุมาอี้รู้ดังนั้นก็ออกมาสกัดทัพขงเบ้ง ให้เตียวคับเป็นกองหน้า ขงเบ้งก็ยกมาถึง ณ เขากิสาน อยู่มา ขงเบ้งได้ข่าวว่า ซุนกวนจะยกมามาตีเสฉวน ขงเบ้งรู้ดังนั้นก็ตกใจ ถอยทัพกลับ เตียวคับก็ตามไป ต้องกลขงเบ้งถึงแก่ความตาย

ตอนที่ 61 ขงเบ้งตาย
ฝ่ายขงเบ้งซ่องสุมทหารได้สามปี ก็ลาพระเจ้าเหี้ยนเต้ไปปราบวุยก๊กให้ราบคาบ แล้วก็ยกทหารมาเขากิสานอีก สุมาอี้ก็ออกสกัดทัพ ขงเบ้งก็ได้แต่งหนังสือชวนซุนกวนตีกระหนาบ ซุนกวนก็ยกทัพหลวงมาเอง พระเจ้าโจยอยก็ออกไป สกัดซุนกวนที่เมืองหับป๋า ครั้นรบกัน ทหารซุนกวนก็สู้มิได้จึงยกทัพกลับกังตั๋ง ฝ่ายขงเบ้งก็รบกับสุมาอี้ยืดยาวอยู่ สุมาอี้ก็ตั้งมั่นมิได้ออกรบ ขงเบ้งก็ให้ทหารส่งผ้าซับในผู้หญิง ไปยังค่ายสุมาอี้ ทำทีเป็นเยาะเย้ย มิใช่ชายชาติทหาร สุมาอี้เห็นดังนั้นก็โกรธแต่อยู่ในใจ แล้วก็ถามถึงตัวขงเบ้งกับทหารผู้นั้น ทหารผู้นั้นก็ว่า ขงเบ้งนอนมิได้ปรกติ ตรวจกำชับดูแลทหารอยู่เสมอ การใหญ่น้อยก็มิได้ผ่อนผันให้ผู้ใดทำ สุมาอี้ได้ยินดังนั้นก็ว่าเห็นขงเบ้งจะอายุสั้นเสียแล้ว แล้วก็ให้บำเหน็จรางวัลแก่ทหารผู้นั้น ตามสมควร
ครั้นขงเบ้งอยู่ในค่าย แลเห็นดาวประจำตัวเศร้าหมองนัก ก็ว่าเห็นตัวจะตายเป็นมั่นคง เกียงอุยก็ว่าให้ทำพิธีต่ออายุ ก็จะพอสืบไปได้บ้าง ขงเบ้งเห็นด้วย ก็ให้จัดทำพิธีต่ออายุ ครั้นทำพิธีอยู่หกคืน สุมาอี้ก๊แลเห็นดาวอุปราชเมืองเสฉวน เศร้าหมองอยู่ ก็เห็นได้ที ให้ทหารไปร้องท้าทายถึงค่าย อุยเอี๋ยนเห็นดังนั้น ก็เข้าไปข้างใน หวังจะบอกขงเบ้ง ก็สะดุดโคมต่ออายุนั้นดับไป ขงเบ้งเห็นดังนั้นก็ตกใจ แล้วว่าคงจะเห็นไม่พ้นความตายเป็นมั่นคง
ครั้นขงเบ้งก็ได้ให้เอียวหงี ทำหุ่นรูปแทนตัวนั่งเกวียนอยู่ ให้ทหารทำตัวเป็นปรกติ แล้วก็สั่งเสียก่อนตาย ให้เจียวอ้วนเป็นมหาอุปราชแทนตน ให้เกียงอุยว่าราชการฝ่ายทหาร ครั้นสั่งเสร็จแล้วก็ตาย ขณะนั้นพระเจ้าเล่าเสี้ยนเสวยราษฎร์ได้สิบสองปี ฝ่ายสุมาอี้รู้ดังนั้นก็ติดตามไป หวังจะตีทหารเสฉวน แลไปเห็นหุ่นขงเบ้ง ก็สำคัญว่าขงเบ้งยังไม่ตาย แลเห็นจะต้องกลขงเบ้งเสียแล้ว ก็รีบให้ยกทหารกลับ
ฝ่ายอุยเอี๋ยนรู้ว่าขงเบ้งตายแล้วก็คิดขบถ ก็ไปตั้งอยู่หน้ากำแพงเมืองฮันต๋ง ขงเบ้งขณะก่อนตายนั้น ก็ได้ฝากความลับไว้แก่ม้าต้าย ให้ไปอยู่เป็นไส้ศึกด้วยอุยเอี๋ยน เมื่ออุยเอี๋ยนยกมาตั้งหน้ากำแพงเมืองแล้ว เอียวหงีก็ฉีกหนังสือขงเบ้ง เป็นใจความว่าให้ลวงอุยเอี๋ยนมีใจกำเริบ ให้ร้องขึ้นว่าใครอาจสามารถฆ่ากูได้ เอียงหงีก็ท้าให้อุยเอี๋ยนทำตาม แลขณะอุยเอี๋ยนแหงนหน้าจะร้องขึ้น ม้าต้ายก็เข้ามาข้างหลัง ใช้กระบี่ฟันถูกศรีษะอุยเอี๋ยน ขาดออกจากกาย เอียงหงี เกียงอุยก็มีความยินดี แล้วให้เอาศพขงเบ้งไปฝังไว้ ณ เขาเตงกุนสัน


ฝ่ายพระเจ้าโจยอยก็ตั้งให้สุมาอี้เป็นมหาอุปราช แลอยู่มาไม่นานก็สิ้นพระชมน์ ขณะนั้นพระเจ้าโจยอยครองราชย์ได้สิบสามปี สุมาอี้ก็ให้โจฮองสืบราชสมบัติต่อมา ฝ่ายเกียงอุยก็มาตีวุยก๊กอยู่เนืองๆ อยู่มาพระเจ้าโจฮองเสวยราษฎร์ได้สิบสามปี สุมาอี้ก็ป่วยตาย พระเจ้าโจฮองก็ตั้งให้สุมาสู สุมาเจียวผู้บุตรสุมาอี้ คุมอำนาจบ้านเมืองแลทหารทั้งปวง
ตอนที่ 62 สุมาเจียวตีเมืองเสฉวน
ขณะนั้นลกซุนและจูกัดกิ๋น ผู้มีสติปัญญาเมืองกังตั๋งก็ตายแล้ว อยู่มาพระเจ้าซุนกวน เสวยราษฎร์ได้ยี่สิบสี่ปี ก็ประชวรหนักถึงแก่ความตาย จูกัดเก๊กแลขุนนางทั้งปวงก็ตั้งให้ซุนเหลียง เสวยราษฎร์แทน
ฝ่ายสุมาสูแลสุมาเจียว ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยก็อยู่ในบังคับบัญชาสิ้น แลทำการกำเริบ พระเจ้าโจฮองก็คิดทำการกำจัดเสีย สุมาสูแจ้งดังนั้นก็โกรธนัก ถอดพระเจ้าโจฮองออกจากราชสมบัติ ก็ให้โจมอ หลานพระเจ้าโจผี ครองราษฎร์แทน พระเจ้าโจมอก็แต่งตั้งให้สุมาสูเป็นมหาอุปราช อยู่มาพระเจ้าโจมอเสวยราษฎร์ได้สองปีเศษ สุมาสูก็ถึงแก่ความตาย สุมาเจียวก็ได้ เป็นมหาอุปราชแทน ฝ่ายเกียงอุยเห็ราชการเมืองวุยก๊ก แปรปรวนอยู่ ก็เข้ายกทหารเข้ารบอยู่เนืองๆ แต่มิสำเร็จ
ฝ่ายเมืองกังตั๋ง หมดสิ้นยุคพระเจ้าซุนเหลียง ก็ได้ซุนฮิวปกครองต่อมา เมืองวุยก๊ก ก็ได้โจฮวนสืบราชสมบัติต่อจากโจมอ ฝ่ายพระเจ้าเล่าเสี้ยน ซึ่งอยู่แดนเสฉวนนั้น ก็มิได้เอาใจใส่ราชการ เสพย์สุราทุกวันมิได้ขาด เชื่อฟังแต่ถ้อยคำฮุยโฮขันที ฝ่ายเกียงอุยก็ได้ตีวุยก๊ก อยู่หลายครั้ง อยู่มาฮุยโฮก็ได้ยุยงพระเจ้าเล่าเสี้ยน ให้เรียกเกียงอุยกลับ ด้วยติดสินบนเงียมอูขุนนางในเมืองเสฉวน พระเจ้าเล่าเสี้ยนก็ให้เรียกเกียงอุยกลับ เกียงอุยรู้ดังนั้นก็น้อยใจ แล้วยกทหารลาออกมาทำไร่นา ฝึกทหารอยู่ที่ตำบลหลงเส
ฝ่ายสุมาเจียวเห็นราชการเมืองเสฉวนอิดโรย แลเห็นจะเสื่อมสลายแล้วก็ให้ เตงงาย จงโฮย ออกตีเสฉวนให้ได้ พระเจ้าเล่าเสี้ยนก็มิได้สนใจออกว่าราชการ แลมิได้ป้องกันบ้านเมือง เตงงายก็ได้แยกไปตีทางอิมเป๋ง แลทางนั้นเดินลำบาก กันดารแสนเข็ญนัก ฝ่ายเสฉวนแลเห็นเส้นทางอิมเป๋งกันดาร มิคิดว่าจะมีทหารยกมาได้ จึงป้องกันหละหลวม เตงงายก็ยกทหารมาแต่น้อยผ่านมาได้ จะเข้าเมืองเสฉวน

ฝ่ายพระเจ้าเล่าเสี้ยนเห็นจวนตัว ก็มิคิดอ่านป้องกัน ยอมอ่อนน้อมออกไปคำนับ มอบเมืองเสฉวนให้แก่เตงงาย ฝ่ายเกียงอุยรู้ดังนั้นก็ตกใจ แล้วแสร้งยอมเข้าไปอยู่ด้วยจงโฮย แล้วยุให้คิดขบถ ก็ถูกทหารกลุ้มฆ่าตายทั้ง จงโฮย แลเกียงอุย สุมาเจียวจึงได้เสฉวนแต่นั้นมา

ตอนที่ 63 สุมาเอี๋ยนสถาปนาราชวงศ์จิ้น
ฝ่ายพระเจ้าโจฮวนก็ได้แต่งตั้ง สุมาเจียวเป็นจีนอ๋อง อยู่มาไม่นานสุมาเจียวก็ตาย สุมาเอี๋ยนผู้บุตร ก็ได้เป็นที่จีนอ๋องแทนบิดา อยู่มาสุมาเอี๋ยนก็ถอดพระเจ้าโจฮวน ออกเสียจากราชสมบัติ ตั้งตนเป็นพระเจ้าจีนอ๋อง แต่นั้นก็สิ้นสุดราชวงศ์วุ่ย แล้วสุมาเอี๋ยนก็เตรียมทแกล้วทหารทั้งปวงจะยกไปตีกังตั๋ง
ฝ่ายพระเจ้าซุนฮิว แจ้งดังนั้นก็ทรงประชวรหนักถึงแก่ความตาย ขุนนางทั้งปวงก็ตั้ง ให้ซุนโฮสืบราชสมบัติต่อมา ฝ่ายพระเจ้าซุนโฮครั้นสืบราชสมบัติเสียแล้ว ก็กำเริบทำหยาบช้าผิดประเพณีมาแต่ก่อน ฝ่ายพระเจ้าสุมาเอี๋ยนเห็นเมืองกังตั๋งจะโรยรา ก็ให้ยกทหารไปตีกังตั๋ง ฝ่ายพระเจ้าฮุยโฮเห็นข้าศึกยกเข้ามาจวนตัว ก็ออกมายกเมืองกังตั๋ง ให้แก่พระเจ้าสุมาอี๋ยน แต่นั้นมา พระเจ้าสุมาเอี๋ยนก็ได้รวมแผ่นดินสามก๊ก กลับมาอยู่เป็นหนึ่งเดียวอีกครั้งหนึ่ง แล้วสถาปนาราชวงศ์จิ้นสืบต่อมา